พญาเต่าเรือนมหาลาภหลวงปู่สิม พุทธาจาโร หมายเลข ๒๔๗ เนื้อนวะโลหะรุ่นแรกวาระสองในกล่องเดิมๆ
"ประวัติการจัดสร้าง พญาเต่าเรือนทั้งสองรุ่น(วาระ)"ของหลวงปู่สิม
รุ่นแรก สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๑๙(ตอกโค๊ตและหมายเลข)
จำนวนการสร้าง ๙๙๔ ตัว
- เนื้อนวะโลหะกะไหล่ทอง โดยออกให้บูชา ตัวละ ๑๑๐ บาท
ประวัติการจัดสร้าง(รุ่นแรก)
พญาเต่าเรือน หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร รุ่นแรก สร้างด้วยนวะโลหะพิเศษ ฉีดโดยนายช่างฝีมือเอกแห่งภาคเหนือผู้มีชื่อเสียง และได้บรรจงสร้างขึ้นด้วยความละเอียดประณีต งดงามอย่างที่สุด มีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับพกพาติดตัวได้ ทั้งยังตอกเครื่องหมายรหัสลับกันปลอม เสร็จแล้วยังกะไหล่ทองอย่างดี เพื่อความงดงามและเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีเลิศทุกตะเถระ ยอดปรมาจารย์ทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน ได้มีเมตตาจิตนั่งปรกและปลุกเสกเดี่ยว ประจุพลังลงใน พญาเต่าเรือน จารึกอักขระเลขยันต์ศักดิ์สิทธิ์ไว้บนกระดองหลัง ประทับย้ำด้วยองค์พระพุทธรูปปางสมาธิบนอาสนะ ประดิษฐ์เป็นบัวหงาย หลังจากบริกรรมปลุกเสกเดี่ยวครั้งแรกโดยหลวงปู่สิมแล้ว ยังได้นำเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษก ที่วัดถ้ำผาปล่อง อีกครั้งหนึ่ง โดยมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนั่งปรก เพื่อให้พญาเต่าเรือนนี้เป็นมงคลวัตถุยอดเยี่ยมแห่งยุค
การบูชาพญาเต่าเรือนนี้ เป็นเครื่องรางของขลังชั้นสูง วิเศษทั้งทางด้านเมตตามหานิยม ดีเด่นด้านมหาอำนาจ ดุจดังนารายณ์อวตาร จึงย่อมมีฤทธิ์มากมาย ดลบันดาลให้ผู้คนยำเกรง นับถือเชื่อฟังศัตรูอ่อนใจไม่กล้าคิดร้าย นอกจากนี้ยังดีทางด้านอายุยืนยาวปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อนึ่งอานุภาพพญาเต่าเรือนนี้ ทางโชคลาภ โภคทรัพย์ดีนัก ช่วยเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติ เสริมสร้างอำนาจวาสนาบารมี ช่วยหนุนดวง จำนวนจัดสร้าง ๙๙๔ ตัว(ทุกตัวจะตอกหมายเลขและโค๊ต) โดยเปิดให้บูชาตัวละ ๑๑๐ บาทเพื่อสมทบทุนสร้างโบสถ์ที่วัดบ้านเกิดของหลวงปู่สิม (บ้านบัว)
รุ่นที่สอง สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๑๙(ตอกโค๊ตและหมายเลข,เพิ่มอักขระ นะ สัง สิ โม ใต้ท้องเต่า)
จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้
- มีเนื้อเงิน ให้บูชาตัวละ ๓๒๐ บาท
- นวะโลหะกะไหล่ทองละ ๑๒๐ บาท
โดยรายได้สมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ ถ้ำผาปล่อง
โดยทั้งสองวาระห่างกันเพียงแค่เดือนเดียวอาจเรียกว่าเป็นวาระที่หนึ่งกับวาระที่สองก็ได้ครับ
เอกสารประกอบ:"หนังสือพระเครื่องและพุทธานุภาพ ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๔ เดือนเมษายน ๒๕๑๙ (เต่ารุ่นแรก),หนังสือลานโพธิ์ ฉบับที่ ๑ ปีที่ ๓(เต่ารุ่นสอง)
ช่างภาพ Wuttichai Kerler"
|