หลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์ใหญ่ วัดยะหา จ.ยะลา จัดสร้างปี03 องค์นี้เป็นหลวงปู่ทวดที่ทางร้านเคยใช้เมื่อตอนทำงานอยู่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงปี46-53 เนื่องจากช่วงเวลานั้นได้มีโอกาสไปทำงานภาคใต้ เมื่อเราไปทำงานที่นั้นก็ต้องหลวงปู่ทวดที่ทันอาจารย์ทิมสร้างไว้ใช้ ก็จะมีหลายวัดที่ทันอาจารย์ทิมสร้างแต่บางวัดนั้นมีของเก๊ให้ปวดหัวและราคาก็แพง ทางร้านจึงได้ใช้หลวงปู่ทวด วัดยะหา เพราะตอนนั้นยังไม่มีของเก๊และราคาไม่แพง องค์นี้ทางร้านใช้ติดตัวตลอดและเกิดประสบการณ์จึงได้นำไปเลี่ยมทองไว้
องค์นี้หน้าตาติดชัดแต่มีรอยรานตรงใบหน้านิดหน่อย เลี่ยมทองสมัยปี47ตอนนั้น3000บาท(ทองบาทละ8000-9000) ขนาดองค์พระเมื่อเลี่ยมทองมีความสูง1.5x1นิ้ว
ประวัติการสร้าง
หลวงพ่อทวด วัดยะหาประชาราม อ.ยะหา จ.ยะลา 2503 พิมพ์ใหญ่ สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2500-2503 โดยสร้างเป็นพระเครื่องเนื้อดินกากยายักษ์ ผสมว่าน 108 มีด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่รูปมน และพิมพ์เล็ก รูปสามเหลี่ยมรี แต่พิมพ์เล็กสร้างน้อยกว่าพิมพ์ใหญ่มาก โดยท่านให้ชื่อพระครั้งนี้ว่าหลวงปู่ทวด ทุกองค์จะปิดทองเหลืองอร่าม
จากการบอกเล่าของ นายน้อย ไชยลำยา ผู้ใหญ่บ้าน ต.ลำพะยา อ.เมือง จ. ยะลา ผู้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเซี่ยง และเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการจัดสร้างพระครั้งนี้ ได้เล่าว่า ผู้แกะเบ้าพระครั้งนี้ชื่อ นายชุ่ม ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาวตำบลลำพะยา มวลสารการสร้างพระเครื่องรุ่นนี้ ได้นำว่านที่เหลือจากการสร้างหลวงพ่อทวด ปี 2497 บางส่วน และเสาะหาว่านมาเพิ่มเติมมาสร้าง ซึ่งก็เป็นว่านชนิดเดียวกัน เพราะคนที่จัดหาว่านก็คือพ่อท่านแสง แห่งวัดตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา เจ้าตำหรับว่านที่มีความ รอบรู้เรื่องว่านสารพัดชนิด และเป็นผู้หาว่านสร้างหลวงพ่อทวดที่วัดช้างให้ด้วย รวมถึงน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดต่างๆ ดอกไม้บูชาพระนานาชนิด จากวัดหลายๆวัดเกือบทั่วประเทศ และมีวัดสำคัญๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดเบญจมบพิตร วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นต้น มาเป็นส่วนผสมในการจัดทำ แล้วหลวงพ่อเซี่ยงก็จะเป็นผู้เริ่มกดพิมพ์พระชุดนี้ด้วยตัวท่านเอง ก่อนที่จะกดพิมพ์ท่านก็จะขึ้นไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานบนมณฑปหอระฆัง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงภายในวัด ซึ่งในสมัยนั้นรอบๆ วัดยังเป็นป่ารกทึบและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายนานาชนิด หลังจากนั้นลูกศิษย์ลูกหาก็ช่วยกันกดพิมพ์พระชุดนี้ จนได้พระในปริมาณมากพอสมควร แต่ก็ไม่อาจจะทราบยอดการจัดสร้างที่แน่นอนได้ เพราะไม่มีการบันทึกไว้ การจัดทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรกนี้ จัดทำขึ้นที่พระอุโบสถในวัดยะหาประชารามนั้นเอง โดยมีการพุทธาภิเษกถึง 4 วัน 4 คืน นิมนต์พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงสมัยนั้นมาร่วมนั่งปรกปลุกเสกจำนวนมากหลายองค์ด้วยกัน เช่น
1. พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ. ปัตตานี
2. พระราชพุทธิรังสี (หลวงพ่อดำ วัดตุยง) วัดมุจลินทรวาปีวิหาร จ. ปัตตานี
3. พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ. ปัตตานี ผู้สร้างตะกรุดโทนและหลวงพ่อทวด วัดทรายขาว
4. พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ. พัทลุง
5. พระครูไพโรจน์ธรรมรัตน์( ฉิ้น ) เจ้าอาวาสวัดเมืองยะลา ผู้สร้างหลวงพ่อทวด วัดเมืองที่เลื่องลือและคณาจารย์อื่นๆ อีกจำนวนหลายองค์
พระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้นับได้ว่าเป็นพระหลวงปู่ทวด อีกรุ่นหนึ่งที่คนนิยมกันมากและก็กว้างขวางประสบการณ์ไม่แพ้รุ่นดังๆ เนื่องจากพระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ได้นำว่านซึ่งบดแล้วจากวัดช้างให้และพระอาจารย์ทิมได้กรุณาปลุกเสกให้แล้ว มาผสมเป็นจำนวนมาก และก็ยังสร้างสมัยอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ยังอยู่ด้วย ถือได้ว่าเป็นยุคแรกๆ เสียด้วย
ประวัติหลวงพ่อเซี่ยง เจ้าอาวาสวัดยะหาผู้สร้าง
พระในสมัยก่อน แถวจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลา หลวงพ่อเซี่ยงจะเป็นเกจิรูปหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ จะต้องมีท่านไปร่วมในพิธีทุกครั้งไม่ว่าวัดใดจะจัดพิธีขึ้น ความศักสิทธิ์ของท่านยังมี อยู่ตลอด แม้หลังจากท่านมรณภาพแล้ว ดังจะเห็นได้จากทางวัดได้จัดทำเหรียญที่ระลึก เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพขึ้น ปรากฏว่าเหรียญดังกล่าวเป็นที่แสวงหากันมากสำหรับคอไก่ชน เป็นที่ฮือฮา ว่าถ้าอยากจะให้ไก่ชนของตนชนะ ต้องอาราธนาเหรียญดังกล่าวติดตัวไปด้วย จนคนทั่ว ๆ ไปเรียกท่านว่า "หลวงพ่อไก่ชน" ก่อนจะจัดสร้างหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ขึ้น หลวงพ่อเซี่ยงได้จัดสร้างพระอื่น ๆ มาแล้วตั้งแต่ปี 2490 กว่า ๆ หลายแบบพิมพ์ แต่ไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจนจึงสืบเสาะไม่ได้ ที่ยังปรากฏหลักฐานอยู่ก็เป็นพระพุทธชินราช เนื้อดินผสมข้าวก้นบาตร องค์เล็ก ๆ ซึ่งสร้างเมื่อปี 2496 ปัจจุบันพระรุ่นนี้ไม่มีที่วัดอีกแล้ว ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อหมดสิ้น อยู่ในมือใครต่างก็หวงแหนเก็บไว้เป็นสมบัติของตระกูล พระเครื่องรุ่นนี้จึงไม่มีหมุนเวียนในท้องตลาด กลายเป็นพระเครื่องที่ถูกลืมไปโดยปริยาย
ขอบคุณเจ้าของข้อมูลด้วยครับ
|