ตะกรุดสามกษัตริย์ ลพ.ทบ วัดชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ยุคกลาง (ประมาณปี พ.ศ.2500 ) ดอกนี้พันเชือกไนล่อนลายพันมาตรฐานขึ้นเกลี่ยวเชือกไนล่อนคู่ซ่อนหัวปลายแต่ละด้านจบด้วยไฟลนแค่เชือกไนล่อนเขียวรุ่นเก่าแบบเขียวใสไม่มีแล้วในปัจจุบันแบบสามกษัตริย์ประกอบด้วยเนื้อทองแดง, ทองฝาบาตร ,ตะกั่ว ตบหัวตบท้ายตามมาตรฐานตะกรุดของท่านขนาดยาว 5 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. สภาพไม่ผ่านการใช้ ผิวหิ้ง ฝุนจับแน่นตามซอก สวยสมบูรณ์ทุกมิติพร้อมบัตรรับรองพระแท้จาก SK.check
พระครูวิชิตพัชราจารย์ หรือที่คนไทยทั่วประเทศเรียกกันติดปากว่า " หลวงพ่อทบ วัดชนแดน " ท่านเป็นพระผู้มีเมตตาเป็นที่สุด วัดไหนนิมนต์ท่านให้ไปช่วยสร้างวัด ท่านก็จะไปหมด ไปวัดนี้ต่อด้วยวัดโน้น จนบางที่วัดชนแดนต้องให้สถานีวิทยุกระจายเสียงช่วยประกาศให้วัดที่นิมนต์ ลพ.ทบฯ ให้นำ ลพ.ฯ มาคืนที่วัดชนแดนด้วย
วัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงกิตติคุณของ ลพ.ทบ ฯ มากที่สุดคือ "ตะกรุด" ลพ.ทบฯ ได้สร้างตะกรุดไว้ให้ลูกหลานได้บูชาติดตัว ถ้านับจำนวนดอกดูแล้วคงจะมากที่สุดในประเทศไทย ลพ.ทบฯ สร้างตะกรุดครั้งแรกหลังจากที่ท่านกลับจากเดินธุดงค์แล้วมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะแก้ว แต่จะว่าเป็นตะกรุดก็คงไม่เชิงน่าจะเรียกว่า ลงยันต์หรือลงอาคมเสียมากกว่าโดยท่านเขียนยันต์และลงอาคมใสใบลาน 4 ใบ ไปปิดที่มุมอุโบสถทั้งสี่ด้าน พอถึงเวลาที่ชาวบ้านเอานาคมาบวชแห่รอบอุโบสถก่อนนำนาคเข้าโบสถ์ ความเชื่อของชาวบ้านต้องยิงปืนไล่มาร แต่ไม่มีใครยิงออก จึงได้ศรัทธามาขอตะกรุดจาก ลพ.ทบฯ ตั้งแต่นั้นมาและท่านชอบสร้างตะกรุดมาก เพราะไม่ยุ่งยากสิ้นเปลือง เหมือนทำวัตถุมงคลอย่างอื่น ซึ่งท่านเคยกล่าวว่า "ถ้ามั่นใจในตะกรุดข้า เพราะข้าลงเองกับมือ"
ตะกรุดของ ลพ.ทบฯ พอแบ่งออกได้เป็น ตะกรุดในยุคต้น ,ตะกรุดในยุคกลาง และตะกรุดในยุคปลาย มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ส่วนความยาวนั้น จะมีทั่งสั้น ปานกลาง และขนาดยาว มีทั้งตะกรุดโทน ตะกรุดธงชาติ ตะกรุดชุุด ทั้งแบบพันเชือกและแบบเปลือย ส่วนวัสดุที่ใช้ก็จะมีทั้งทองคำ เงิน นาก ทองแดง ทองฝาบาตร ตะกั่ว อลูมิเนียม ใบลาน หนังเสือ ไม้ไผ่ กระดาษสา ในปัจจุบันตะกรุด ของ ลพ.ทบฯ มีค่านิยมบูชาตั้งแตหลักพันหลักหมื่น ถึงหลักแสน ก็ด้วยคุณวิเศษ ของ ตะกรุด ลพ.ทบฯ มีประสบการณ์มามายทั้งในอดิตและปัจจุบันยากที่จะมีพระเกจิรูปใดเสมอเหมือน เช่น จากบันทึกของทางวัดชนแดน (ประวัติ ลพ.ทบฯ) เมื่อปี พ.ศ. 2500 ทางการได้นิมนต์พระเกจิทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในการสร้าง "พระเครื่องฉลอง 25 พุทธศตวรรษ " ในครั้งนั้น ลพ.ทบฯ ได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีด้วยโดยทางการได้นำเฮลิคอปเตอร์ มารับ ลพ.ทบฯ ที่วัดชนแดน พอมาถึงพิธี ลพ.ทบฯ ก็มอบตะกรุดให้ทางคณะกรรมการไปหลอมในเตาพิธีในครั้งนั้น เกจิทุกท่านจะจารแผ่นทองมาทุกองค์ ยกเว้น ลพ.ทบฯ ที่ไม่ได้จารแผ่นทองมา ท่านจึงใช้ตะกรุดของท่าน 3 ดอกแทน ขณะที่กำลังหลอมละลายทองจนได้ที่แล้ว เจ้าพนักงานได้ตักน้ำทองเพื่อที่จะไปเทลงเบ้าแต่ไปพบตะกรุดสามดอกที่ไม่ละลายทางคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขณะนั้นจึงตามหาเจ้าของและนำมาให้ ลพ.ทบฯ หลวงพ่อจับตะกรุดเป่าสามครั้งแล้วคืนให้คณะกรรมการไปหลอมใหม่ก็ละลายทันที นี่คือเหตุการณ์ปาฏิหารย์ครั้งแรก ที่ ตะกรุด ของลพ.ทบฯไม่ละลาย ปาฏิหารย์ครั้งที่สอง ที่ตะกรุดของ ลพ.ทบฯไม่ละลาย เหตุเกิดขึ้นที่วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2512 ลพ.ทบฯเข้าร่วมพิธีสร้าง " พระกริ่งนเรศวร เมืองงาย" ตะกรุดของ ลพ.ทบฯที่นำไปหลอมก็ไม่ละลายต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และประชาชนจำนวนมาก จึงเป็นที่กล่าวขวัญโจษจันถึงปาฏิหารย์ ตะกรุด ลพ.ทบฯจนชื่อเสียงของ ลพ.ทบฯ โด่งดังไปทั่วประเทศ อีกเรื่องคือ ทางราชการไทยโดยจอมอัศวิน เผ่าศรียานนท์ มอบแหวนเพชรอัศวินให้กับปลัดวิโรจน์ พรหมประเสริฐ ลูกศิษย์ของ ลพ.ทบฯในเหตุการณ์ วันดวน 1 - 9 บนเส้นทางชนแดน - ตะพานหิน ที่คนร้านเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คน ส่วนปลัดวิโรจน์ฯ มีบาดแผลเท่าแมวข่วนทั่วรางกาย 53 แผล หากท่านผู้อ่านมีตะกรุด ลพ.ทบฯ แท้ๆไวในบ้าน ท่านจงเข้าใจเลยว่า ท่านมีเพชรแท้ๆอยู่ในครอบครองแล้ว โปรดเก็บรักษาไว้ให้ดี นำมาบูชาติดตัวหรือติดรถเพื่อความเป็นสิริมงคล เดินทางไปทิศใดขอบารมี ลพ.ทบฯ ให้ท่านคุ้มครองก็จะมีแตความแคล้วคลาดปลอดภัยทุกประการ
การสร้างตะกรุด ลพ.ทบฯ ท่านใช้ช่างชาวบ้านและพระเณรมาช่วยกันทำ เริ่มจากการตัดโลหะตามขนาดที่ต้องการทำการจารเสร็จแล้วนำไปม้วน ช่วงแรกจะเป็นการม้วยด้วยมือ งานออกมาจึงจะหลวมๆ ไม่ค่อยสวยงามเทาไหร่ ต่อมาเลยดัดแปลงไปใช้ไม้หีบมาคีบแล้วม้วนตะกรุดชุดหลังนี้จึงม้วนได้แน่นและสวยงามขึ้นแต่ก็ยังมีปัญหาเวลาม้วนเสร็จแล้วโลหะมักจะคลี่ออกทุกดอก จึงได้ลองทุบหัวตะกรุดดู ปรากฎว่าหัวตะกรุดไม่คลี่ออก ตั้งแต่นั้นมา ตะกรุด ลพ.ทบฯ จึงมีการเก็บหัวตะกรุดด้วยการทุบหัวทั้งสองข้างจนเป็นคำหิตติดปากชาวบ้านว่า "ตะกรุด ลพ.ทบฯ ต้องทุบหัว" ในยุคต้นการเก็บหัวตะกรุดจะใช้การทุบหัวบนไม้เรียบๆทั้งสองด้านงานออกมาจึงจะบุ๊บๆบี้ๆ อยู่บ้างเป็นจุดพิจารณาอย่างหนึ่ง
คุณลุงสมพงษ์ นิลมั่น หรือพระอาจารย์สมพงษ์ ปุญญกาโม อดีตพระเลขาของ ลพ.ทบฯ เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ตะกรุดของ ลพ.ทบฯ ในยุคต้นๆ ลพ.ทบฯจะจารเองทุกดอก จนมาถึงปี พ.ศ.2513 ลพ.ทบฯก็ไม่จารตะกรุดอีกเลย เหล็กจารตะกรุดพระราชทาน ของ ลพ.ทบฯ ได้มอบให้ลงนันต์ ตะพานหิน ศิษย์ผู้ใกล้ชิดเก็บรักษาไว้ (ปัจจุบันอยู่กับคุณปรีชา ลูกชายของลุงนันต์ ตะพานหิน หลังจาก ลพ.ทบฯ หยุดจารตะกรุดแล้ว ลพ.ทบฯ ได้ให้พระอาจารย์เพ็ง เป็นผู้จารตะกรุดให้ นอกจากนั้นก็จะเป็น คุณลุงสมพงษ์ฯ เป็นคนจารเอง และยังมี ลพ.โม้ วัดกรุดพระชนแดน ซึ่งเป็นผู้ที่จารตะกรุดให้ ลพ.ทบฯบ่อยที่สุดอีกท่านหนึ่ง โดย ลพ.โม้ฯ ท่านจะจารตะกรุดสังวารมากที่สุด ส่วนตะกรุดธงชาติ ในช่วงปี พ.ศ. 2510 -2513 คุณลุงสมพงษ์ฯเป็นผู้จารเอง ส่วนคนที่พันตะกรุด ลพ.ทบฯ เป็นประจำชื่อว่าน้อย เป็นคนบุ่งน้ำเต้าปัจจุบันท่านยังมีชีวิตอยู่ ในส่วนของการพันตะกรุดนั้น ลพ.ทบฯไม่ได้กำหนดลายถักว่าจะต้องเป็นแบบไหนลายใด ขึ้นอยู่กับจินตนาการของคนถักเอง จึงจะเห็นได้ว่าตะกรุดของ ลพ.ทบฯ จะมีลายถักหลายลาย ในส่วนของเชือกที่พันตะกรุดของ ลพ.ทบฯนั้น จะใช้เชือกแท้ เชือกป่าน เชือกปอ และเชือกไนล่อน การพันด้วยเชือกไนล่อน เป็นงานที่ยากมากๆ เพราะเวลาพันจะลื่น ส่วนใหญ่ตะกรุดที่มช้เชือกไนลอนถักพบว่าจะใช้เชือกไนลอนเขียวเพียงแค่ 2 เส้นเท่านั้นในการทำ เพราะจะทำให้พันง่าย สอดซ่อนเงื่อนได้ง่ายกว่า เดิมมีเชือกไนลอน 2 เส้น ซึ่งสามารถใช้พันได้เลย ต่อมาได้กลายเป็นเชือกไนล่อน 3 เส้น ซึ่งการพันโดยใช้เชือกเส้นใหญ่ มีเชือกถึงสามเส้นรวมกันเป็นเรื่องวยากมาก ผู้พันตะกรุดจึงได้ดึงเชือกออกไปหนึ่งเส้น ให้เหลือเชือกเพียง สองเส้นแล้วจึงนำมาพันตะกรุดนี่ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งในการพิจารณาตะกรุดของ ลพ.ทบฯ
ตะกรุดพิเศษตะกรุดสามกษัตริย์ การสร้างตะกรุด ลพ.ทบฯ กว่าจะได้ตะกรุดแต่ละชนิดแต่ละดอกนั้นไม่ง่าย ยิ่งเป็นตะกรุดที่สร้างขึ้นมาพิเศษก็ยิ่งสร้างยากมาก หากแต่ยิ่งมากด้วยพุทธคุณวิเศษเช่นกัน " ตะกรุดสามกษัตริย์"ก็เป็นตะกรุดที่สร้างยากเช่นกัน เพราะต้องใช้แผ่นโลหะถึง 3 แผ่น จากนั้นเรียกสูตรลงอักขระในแต่ละแผ่น การจารโลหะแต่ละตัวนั้นต้องเพ่งสมาธิเป็นจุดเดียวที่ตัวอักขระ เมื่อจารเสร็จจะปลุกด้วยคาถาหัวใจของแต่ละยันต์ตามด้วยคาถาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ จากนั้นก็จะทำการม้วนพร้อมกันโดยจะมีการกำกับคาถาตลอดจนการม้วน "โอมพระพิรอด ขอดพระพินัย อุดถัง อุดโท โทอุด ทังอุด " ว่าไปตลอดจนกว่าจะม้วนเสร็จ ตะกรุดสามกษัตริย์ใช้แผ่นโลหะสามแผ่นม้วนพร้อมกันจึงมีขนาดที่หนากว่าตะกรุดทั่วไป เมื่อม้วนเสร็จแล้วจึงนำไปพันเชือก ตะกรุดยุคต้น ลพ.ทบฯ ท่านทำเองกับมือหายห่วงเรืองพุทธคุณ ในยุคหลังมา ถ้าดอกไหนที่ ลพ.ทบฯ ท่านไม่ได้จารเอง จะต้องลองยิงก่อน เพื่อทดสอบว่าคนจารจิตนิ่งแค่ไหน ถ้าดอกไหนคนจารจิตไม่นิ่ง โดยปืนขาดครึ่งเลย ส่วนดอกไหนที่ยิิงไม่อก็จะนำมาให้ ลพ.ทบฯ ปลุกเสกบรรจุพลังเพื่อสำทับความขลังอีกครั้งก่อนให้ประชาชนบูชา
( ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ คู่มือศึกษาตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ฉบับมาตรฐาน เรียบเรียงโดย อาจารย์ฤทธิ์ หล่มสัก)
|