|
หลวงปู่ทวด วัดสะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา รุ่นเครื่องบินตกเสิ่นเจิ้น ปี 2539 เนื้อว่าน
พ่อท่านหวาน อ.นอง ปลุกเสก ประสบการณ์ เครื่องบินตก รอดตายปาฏิหาริย์ ที่เซินเจิ้น ประเทศจีนครับ " รุ่นเซิ่นเจิ้น " พระหลวงปู่ทวดเสิ่นเจิ้นมีพิธีเสกเล็กๆในกุฏิหลวงขำโดยมีปู่หวานและพระในวัดไม่กี่องค์ในเดือนตุลาคมปี2538นอกนั้นฝากพิธีตามวัดต่างๆที่นิมนต์หลวงปู่ไปเสกพระบางชุดเสกหลายวัดหลายวาระพระสั่งทำเรื่อยๆเสกไปปล่อยบูชาหมดทำใหม่จนสร้างโบสถ์เกือบเสร็จ
พระพิมพ์รุ่นเสิ่นเจิ้นเริ่มทำตั้งแต่ตุลาคมปี2538เรื่อยมาจนถึงปี2545ถ้ารวมพระชุดหลังนี้ทุกบล็อกเป็นแสนองค์ แต่บล็อกพิมพ์หลังปี2540จะเล็กและตื้นเนื้อดำแก่ดินว่านน้อยถ้าจะนับบล็อคยุคแรกที่เริ่มสร้างตั้งแต่ตุลาคมปี2538-2540คร่าวๆโดยประมานน่าจะหลักหมื่นองค์ และทำเก๊ก็มีนะระวังกันด้วยเพราะสมัยนั้นมีคนปลอมพระหลวงปู่ทวดเสิ่นเจิ้นขายใต้สะพานลอยที่หาดใหญ่องค์20บาททั้งๆที่ในวัดก็มีให้บูชาองค์ละ100บาทใส่ซองยาไม่มีกล่อง สังเกตพระทำปลอมจะมีลูกบอลอยู่ด้านหลังองค์พระ ( ดูรูปประกอบในคอมเม้นท์)
มวลสารในการสร้างพระหลวงปู่ทวดเสิ่นเจิ้นยุคแรกที่หลวงปู่หวานใช้ในการสร้างคือดินกากยายักษ์,ว่าน108,ผงพุทธคุณที่หลวงปู่เก็บสะสมใว้,น้ำผึ้งป่า,ผงเงินล้าน(แบงค์ธนบัตรชำรุดป่นจากธนาคารชาติ,พระว่านหลวงปู่ทวดรุ่นต่างๆที่หลวงปู่หวานเก็บไว้
พ่อท่านหวาน อภโย แห่งวัดสะบ้าย้อย ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงระดับตำนานของเมืองไทยโดยภาพรวมแล้วท่านถูกวางให้อยู่ในสายวิชาหลวงปู่ทวด วัตถุมงคลของท่านในแต่ละชิ้นมักมีประสบการณ์เรื่องเล่ามากมายมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ดังทะเลุฟ้าทะลุดินน่าจะเป็นเรื่องราวของรูปหล่อหลวงปู่ทวดองค์เนื้อว่าน "รุ่นเสิ่นเจิ้น" ที่มาของรุ่นนี้เกิดจากผู้ที่พกหลวงปู่ทวดชุดนี้รอดตายจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ที่เมืองเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน
ซึ่งพ่อท่านหวาน ชาวบ้านจะให้ความเคารพและศรัทธากันอย่างมาก เพราะท่านเป็นทั้งพระนักพัฒนา ดำรงชีวิตด้วยความสมถะ เป็นพระผู้มีแต่ให้ อีกเรื่องนึงที่น่าสนใจคือพ่อท่านหวาน ยังเป็นลูกศิษย์องค์เดียวของพระครูมนัตสมนคุณ แห่งวัดมะเดื่อทอง ประเด็นที่ชาวบ้านทราบกันดีคือพ่อท่านหวาน เป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ ประมาณว่าขอได้ไหว้รับ และในวันดีคืนดีชาวบ้านมักจะมาแก้บนด้วยการปิดทองที่หน้าแข้งของท่าน ถือเป็นการแก้บนที่สำเร็จผลทุกประการ
พ่อท่านหวาน อภโย หรือพระครูไพบูลย์สิกขการ เป็นพระรูปสูงใหญ่แบบคนโบราณ ท่านมีชื่อเดิมก่อนบวชว่า หวาน เดชพุฒิ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่13 กันยายน 2461 ณ บ้านปลักโพธิ์ ตำบลบางโกระ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี บิดามารดาชื่อนายแก้ว-นางจันทร์ เดชพุฒิ ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ท่านได้เล่าชีวิตในช่วงวัยเด็กของท่านว่าต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไป คือแทนที่จะเที่ยวเล่นตามปกติ แต่ท่านกลับสนใจของเรื่องบาปบุญชอบเข้าวัดและชื่นชอบในเรื่องขอไสยาศาสตร์และอาคม โดยท่านสามารถท่องจำคาถาที่ได้รับการถ่ายทอดจากคนเฒ่าคนแก่ได้อย่างแม่นยำ เมื่อท่านสนุกกับชีวิตอยู่ชาวงนึงพ่อของท่านจึงนำตัวไปฝากกับพระครูมนตสมนคุณ (หลวงพ่อสีพุฒ) วัดมะเดื่อทอง อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พ่อท่านหวานหันมาสนใจทางด้านไสยาศาสตร์ เพราะมันมีอะไรมากกว่าการท่องจำ ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งฝึกและอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นว่าชอบแแบบไหน
เรื่องของไสยาศาสตร์อาคม เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการเรียนรู้จนเข้าใจและมั่นใจเพราะวิชาต่าง ๆ มีอานุภาพและสรรพคุณมากกว่าที่เราคิดอย่างเช่น บางคนขอลงอักขระหน้าท้องเพื่อให้เกิดความเมตตา แต่วิชาที่ลงมันไม่ได้มีแค่มหานิยมเมตตาเท่านั้นสรรพคุณของมันยังสามารถที่จะป้องกันอันตรายจากคมดาบ คมหอก ได้อีกด้วย ท่านว่าสรรพคุณของนะหน้าท้องมีบานตะไท ตามความเชื่อทั่วไปก็ไม่ได้ต่างจากตำราที่เคยระบุไว้จะทำให้คนมีสง่าราศรี มีเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดก็จะได้รับการย่องนับหน้าถือตาและเป็นที่ไว้วางใจของเจ้านาย
หากแต่เมื่อได้ลงกันถึงใส้ในแล้ว ท่านจึงอยากบอกว่านะหน้าท้องมีอานุภาพมากกว่าที่คิด เพราะวิชานี้เป็นการเพิ่มธาตุในตัวเอง นะคือธาตุน้ำ โมคือธาตุดิน พุทคือธาตุไฟ ธาคือธาตุลม เมื่อเอาธาตุทั้งหมดมารวมกันจะมีกำลังพุทธคุณ มีอานุภาพประมาณฝอยท่วมหลังช้าง แต่คาถาอาคมที่พ่อท่านหวานเรียนนั้นจะเรียนควบคู่ไปในทางด้านคุณธรรมและสมาธิควบคู่กันไปด้วย
ปัจจุบันพ่อท่านหวาน อภโย ได้มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2557 สิริอายุได้ 97 ปี สรีระของท่านได้รับการพระราชเพลิงศพเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ว่ากันว่าบางอย่างยิ่งนานวันยิ่งสวยงาม จะมีสักกี่คนที่ไม่ถูกลืมไปตามกาลเวลาถึงแม้จะละสังขารไปแล้วก็ตาม แต่ตำนานความเป็นพระผู้เป็นที่พึ่งของชาวสะบ้าย้อยยังคงถูกเล่าขานอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามต่อไป
| 
