พระปิดตาหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า กรุวัดคลองขอม จ.สุพรรณบุรี 

แตกกรุราวปี พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๔ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปลุกเสก จัดสร้างราวปี ๒๔๕๖-๒๔๖๐ โดยเจ้าอาวาสวัดคลองขอมในขณะนั้น คือหลวงพ่ออุ่ม ท่านเป็นศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่ออุ่มมักไปมาหาสู่กับหลวงปู่ศุข อยู่เป็นประจำ หลวงปู่ศุขท่านก็ได้มาช่วยสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถที่ วัดคลองขอมแห่งนี้ มวลสารที่นำมาเป็นส่วนผสมในการทำพระใช้ผงวิเศษ ว่าน ๑๐๘ เกสรดอกไม้ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ จากการลบสูตรแบบโบราณ ฯลฯ โดยหลวงพ่ออุ่มและหลวงปู่ศุขได้ร่วมกันปลุกเสกเป็นเวลา ๑ ไตรมาส (ก่อนเข้าพิธีใหญ่) นับว่าไม่ผิดหวังแน่นอนในเรื่องของพุทธคุณ ดังที่เคยปรากฏเป็นข่าวบ่อยๆ ทั้งเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ หรือยิงฟันไม่เข้า มีหลายคนที่มีปัญหาเดือดร้อนเรื่องการเงิน เอาไปบูชาสวดขอพร ก็ประสบผลสำเร็จ แต่สนนราคายังไม่แพง 

แบบสบายกระเป๋า แต่พุทธคุณหลักล้าน

พระปิดตาเนื้อขาว กรุวัดคลองขอม พิธีพุทธาภิเษกพระที่บรรจุในกรุคลองขอม ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๐ เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดยมีหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์จากสุพรรณบุรี ชัยนาทและจากที่อื่นๆที่เก่งๆอีกหลายท่าน มาร่วมปลุกเสก แต่ที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว, หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา แม้กระทั่ง หลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ก็มาร่วมพิธีนี้ด้วย เพียงแค่นี้ก็ถือได้ว่าสุดยอดแห่งพิธีกรรมแล้ว เพราะพระเกจิที่มาปลุกเสกนั้นถือได้ว่าเก่งจริง หลังจากนั้นก็แจกแก่บรรดาผู้มาร่วมการกุศล กล่าวกันว่าเมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ พระผงยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก หลวงพ่ออุ่ม จึงได้บรรจุพระเข้าในเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้าโบสถ์ และใต้ฐานชุกชีพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับบันทึกเหล็กจารในแผ่นเงิน ระบุความเป็นมาของพระชุดนี้บรรจุ เข้าไปในพระเจดีย์ด้วย และที่เจดีย์นั้นได้มีการเขียนป้ายปิดไว้ว่าเป็นกรุพระของหลวงปู่ศุขอย่างชัดเจน เมื่อครั้งที่แตกกรุมาใหม่ๆ ราวปี พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๔ ท่านว่ากรุที่อยู่ใต้พระประธานอุโบสถวัดคลองขอมแตกออกมาเนื่องจากหลังคารั่ว น้ำฝนได้ตกลงมาที่องค์พระเป็นเวลานาน ทำให้ฐานด้านหนึ่งขององค์พระผุและหักล้มลงพิงกำแพง ชาวบ้านต้องช่วยกันยกไว้วางข้างๆตำแหน่งเดิม จึงได้พบกรุที่บรรจุพระพิมพ์เป็นหลุมขนาดใหญ่ สภาพกรุมีสองชั้น พระที่อยู่ชั้นบนผิวพรรณสะอาด ชั้นล่างมีน้ำฝนไหลซึมผ่านขังแล้วแห้งไป เมื่อได้นำพระขึ้นมาปรากฎมีทั้งดินทรายจับเป็นจำนวนมาก ทางวัดได้นำมากองเรียงไว้เป็นก้อนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พระมีดินจับอยู่เต็ม และติดกันเป็นก้อน พอจะนับแยกองค์ ก็ต้องเอาน้ำหยอดแล้วเอาเครื่องมือที่พอหาได้ ค่อยๆเซาะพระออกจากกันทีละน้อย ซึ่งแน่นอนพระอาจจะมีตำหนิหรือจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก อีกจุดหนึ่งคือกรุพระที่อยู่ภายในเจดีย์ ซึ่งได้ถูกคนร้ายแอบเจาะจนชำรุด ทางวัดจึงได้ปรึกษาคณะกรรมการทำการเปิดกรุ พบพระเครื่องเหล่านี้บรรจุอยู่มากมาย ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและในกรุงเทพ ต่างก็พามาเช่าหากันหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันราคายังไม่สูงนักเมื่อเทียบกับคุณค่า แต่สำหรับผู้ที่สนใจนำมาบูชาติดตัวถือได้ว่าไม่ผิดหวังในเรื่องของพุทธคุณ