สีผึ้งมัทรี หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา
ตำนานสีผึ้งที่แรงจนหลวงพ่อต้องเรียกคืน สีผึ้งหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว สีผึ้ง ถือเป็นเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งที่นิยมในหมู่นักเลงเจ้าชู้ ผู้ปรารถนาความเป็นที่รัก
สีผึ้งมัทรีสร้างโดยอาศัยอำนาจพระพุทธคุณ และอำนาจแห่งไสยศาสตร์ฝ่ายขาว การทำสีผึ้งมัทรีนั้น ต้องใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ ที่จุดในการเทศน์กัณฑ์มัทรี น้ำตาเทียนที่ได้จากการเทศน์กัณฑ์นี้ถือว่าขลังยิ่งนักในเรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม
สีผึ้งเทียนมัทรี หลายคนที่นำไปใช้ ได้บอกกล่าวกันว่าได้ผลเกินร้อยจริงๆ โดยเฉพาะการเจรจาค้าvาย พูดจานี้เห็นผaชะงัด เมื่อใครนำไปใช้ก็มีแต่คนรักคนชอบ นำพาโชคลาภให้แก่ผู้ใช้
เพราะสีผึ้งมัทรีนั้นอาศัยคุณพระ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ อาศัยพลังจากเทพเทวดาที่ดลความรัก ความปรารถนาโชคลาภให้เกิดขึ้นด้วยแรงครู ไม่ทำผลเสียผลร้ายแก่ผู้ครอบครองและผู้อื่น
สีผึ้งมัทรีนี้มีฤทธิ์ทางจิตใจทำให้รักใคร่บังเกิดเมตตามหานิยม ใครเขาเห็นหน้าก็รัก จากไปก็อาลัย เจรจาสิ่งใดก็น่าเชื่อถือ เข้ามาอุดหนุนแล้วก็อยากวนเวียนมาอีก ทั้งหมดเป็นไปด้วยแรงเมตตาจากอานิสงส์แห่งการเทศน์กัณฑ์มัทรี
ซึ่งวิธีการหุงสีผึ้งมัทรีนี้ว่ากันตามตำราของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว แน่นอนว่า ถ้าเอ่ยถึง หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ฉะเชิงเทรา ย่อมไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะวัตถุมงคลของท่านนั้นโด่งดังเป็นอมตะ หลวงพ่อดิ่ง ท่านเป็นพระเถราจารย์ยุคอินโดจีนที่เคร่งในวัตรปฏิบัติ มีเมตตาจิต และเชี่ยวชาญแตกฉานในทุกสาขาวิชา รวมถึงพุทธาคมต่างๆ อีกทั้งเป็นที่รักเคารพและศรัทธาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา วัตถุมงคลของท่านล้วนทรงไว้ซึ่งพุทธานุภาพเป็นที่นิยมสะสมทั้งสิ้น
และนอกจากนี้ท่านยังมีวิชาวิทยาคมอีกมากมาย รวมไปถึง วิชาหุงสีผึ้งมัทรี โดยวิธีการหุงนั้นท่านจะนำเทียนสีผึ้งแท้ 1 คู่ น้ำสะอาด 2 ขวด ตั้งในขันเงินเปียกทอง รองด้วยพานมงคล 8 ประการ เขียนยันต์โสฬสมหามงคล ยันต์วิเศษตำรับหลวงปู่เฒ่ายิ้มแห่งวัดหนองบัว กาญจนบุรี และยันต์อิติปิโส ใส่กระดาษขาวรวม 4 ชุด ห่อขันแล้วพันด้วยสายสิญจน์ ชักขึ้นธรรมมาสน์ ถวายองค์แสดงคาถาพันจบแล้ว ดูฤกษ์ที่เป็นมงคลแล้ว นำเทียนสีผึ้งแท้คู่นี้ขึ้นจุดบูชาธรรมในกัณฑ์มัทรี ซึ่งบทเทศนานี้เป็นกัณฑ์ที่ 9 "90 พระคาถา"
โบราณาจารย์ท่านกล่าวว่าสีผึ้งที่จะนำมาหุง ให้เป็นเสน่หาเมตตาพาร่ำรวยนั้น ต้องได้จากน้ำตาเทียนที่จุดบูชาธรรมในกัณฑ์มัทรีจึงจะเต็มสูตร นำมาเคี่ยวกับยอดรักซ้อนและยอดสวาทด้วยไฟจากฟืนไม้รักไม้สวาท และเครื่องอาถรรพณ์เช่นไม้มงคลต่างๆ ครบสูตร อยู่ที่ผู้ใช้เองว่าจะอธิษฐานไปในด้านไหน ความรัก หรือว่าการงาน แต่ห้ามเด็ดขาดคือ อย่าใช้สีผึ้งไปในทางที่เสื่อมเสีย เช่น ไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีเจ้าของแล้วเพราะมันเป็นบาปกรรมที่ไปพรากคู่ของคนอื่นเขา
เมื่อถามว่า ทำไมสีผึ้งที่หุงจากเทียนมัทรีจึงขลังนักขลังหนา ท่านบอกว่า เป็นเพราะสีผึ้งที่ได้จากน้ำตาเทียนบูชากัณฑ์เทศน์มัทรีนั้น สามารถอธิษฐานให้บังเกิดความเมตตาได้สมปรารถนา ซึ่งควรอธิษฐานเพื่อความสุขสำเร็จให้เกิดแก่ตนและคนใกล้ชิด ที่ไม่เกิดการเบียดเบียนให้ใครต้องได้รับทุกข์จากการอธิษฐานนั้น จึงจะเป็นผลที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน เหมือนจิตใจของพระนางมัทรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดีต่อพระราชสวามี และมีความรักอันแสนบริสุทธิ์ให้ลูกทั้งสอง
มีเรื่องเล่ากันว่าครั้งหนึ่งหลวงพ่อดิ่งทำพิธีหุงสีผึ้งมัทรีแจกให้ศิษย์ใกล้ชิดนำไปใช้ ปรากฏว่ามีลูกศิษย์คนหนึ่งของท่านนำไปป้ายผู้หญิง ทำให้หญิงนั้นต้องตกมาเป็นภรรยาโดยที่มิได้รักใคร่กันมาก่อน ซึ่งต่อมาไม่ช้าไม่นานเกิดเหตุการณ์สมคำโบราณว่าไว้กับหลวงพ่อดิ่ง คำนั้นคือ 'เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กระดูกแขวนคอ' เพราะหญิงสาวคนนั้นคือหลานสาวห่างๆ ของหลวงพ่อดิ่ง และทั้งๆ ที่เธอไม่ได้รักผู้ชายคนนี้เลย แต่ต้องมาตกหลุมรักด้วยมนตรา จึงเป็นเหตุทำให้หลวงพ่อดิ่งเสียใจมาก จึงบอกให้ลูกศิษย์ไปเรียกสีผึ้งทั้งหมดที่ทำแจกไปกลับมาโยนน้ำทิ้งทั้งหมด และจากนั้นท่านก็ไม่ทำสีผึ้งมัทรีอีกเลย
ลูกศิษย์หลายคนที่นำไปใช้ ได้บอกกล่าวกันว่าได้ผลเกินร้อยจริงๆ โดยเฉพาะการเจรจาค้าขาย พูดจานี้เห็นผลชะงัด เมื่อใครนำไปใช้ก็มีแต่คนรักคนชอบ นำพาโชคลาภให้แก่ผู้ใช้ เพราะสีผึ้งมัทรีนั้นอาศัยคุณพระ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ อาศัยพลังจากเทพเทวดาที่ดลความรัก ความปรารถนาโชคลาภให้เกิดขึ้นด้วยแรงครู ไม่ทำผลเสียผลร้ายแก่ผู้ครอบครอง
สีผึ้งมัทรีของดีมีน้อยพุทธคุณมหาศาลควรค่าในการบูชา
สนใจสอบถามได้ครับ
|