ศาสตร์ลึกลับของแต่ละประเทศย่อมมีดีในตัว ปฐมบทกำเนิด มหาว่านยาสัก(สายยาแดง) ส่วยหยิ่นจ่อกำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศพม่าโดยตำนานได้กล่าวไว้เกิดจากการนำฉัตรทิพย์ของ เจ้าสัจจะยามินผู้มีเครื่องหมายสวัสดิกะที่กลางฝ่ามือขวาหน่อเนื้อพระโพธิญาณ ครูบาอาจารย์ในสายวิชาปะฐะมะสิทธิ ถ้านับกันจริงๆมีมากกว่า 10 องค์ แต่ที่นับถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือแห่งเมืองม่านหรือพม่ามีแค่ 10 องค์หลัก ๆ จริง ๆ แล้ววิชาสายนี้จะบอกว่าเป็นวิชาเมืองม่านหรือพม่าก็ไม่ถูกต้อง เพราะกำเนิดวิชานี้มีมาแต่ก่อนรวมประเทศเป็นพม่านานนับพันปี เรียกว่ามีมาตั้งแต่อาณาจักรมอญรุ่งเรืองหนึ่งในบรมครูที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงสุดในบรรดาครูทั้ง 10 เจ้าสัจจะยามินแม้ว่าท่านจะไม่ใช่ครูท่านแรก และยังมีฐานะเป็นศิษย์บรมครูพู่พู่อ่องด้วย แต่ท่านก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นประธานแห่งองค์ครู และเป็นผู้ทรงบุญญาธิการชั้นสูง โดยนำฉัตรทิพย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนำมาผสมเพื่อเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างยาสักแดงและตกทอดมารุ่นสู่รุ่นเท่านั้นไม่นิยมสร้างใหม่ในผู้ที่ไม่มีวิทยาคมเพราะถือเป็นการผิดครูอย่างร้ายแรงดังนั้นว่านยาสักแต่ละชิ้นมีค่าดุจทองคำ และได้รับฉายาว่าส่วยหยิ่นจ่อ ซึ่งแปลว่าทองคำ
ว่านยาสักเข้ามาในไทยได้อย่างไรพออนุมานได้ว่าเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเกิดจากสมเด็จพระพนรัตน์ สถิต ณ วัดป่าแก้ว หรือพระมหาเถรคันฉ่องท่านเป็นพระมอญ ได้จัดสร้างขึ้นถวายเพื่อเป็นของวิเศษในการออกรบกับพม่า ปัจจุบันว่านยาสักนี้คุ้นหูกันคือยาจินดามณี ยาสักแดงสูตรดั้งเดิมมีขั้นตอนการจัดทำที่ซับซ้อนค่อนข้างมากตั้งแต่การหาภาชนะที่ฝนตัวยาต้องเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีฤทธิ์แรงๆอย่างเช่น สมองตาย(ปั้นเหน่ง) และวัตถุที่ใช้บดตัวยาต้องเป็นวัตถุอาถรรพ์เช่นเขี้ยวเสือและงากระเด็นเป็นต้น นำมาปั้นเป็นแท่งบ้างขึ้นเป็นรูปพระรูปเทวดา รูปยักษ์ ขึ้นอยู่คติความเชื่อของครูผู้สร้าง ส่วนวิธีใช้ ใช้พก หรือทำน้ำมนต์อาบ ผสมหมึกสักหรือการนำมาฝนกิน จึงไม่แปลกที่ได้พบเห็นว่านยาสักในรูปเคารพต่างๆมีรอยบิ่นรอยฝนรอยคว้านเพื่อนำไปใช้งาน เค้าว่ายาสักชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งใช้ทั้งชีวิต มวลสารของยาสักสกิตเท่าหัวเหา สามารถสักให้คนได้เป็นร้อยเป็นพันคน เรียกว่าดีทั้งนอกและในครอบคลุมทุกอย่างปัจจุบันเริ่มหายากคนที่รู้คุณค่าตามเก็บกันหมด
|