คตแสง แย่งแก้ว ล้านนาโบราณ
มนุษย์เรามีความเชื่อถือในเรื่องพลังของแก้ว แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แก้วนิลสีน้ำตาลในพิพิธภัณฑ์ปารีส เคยถือว่าเป็นแก้วอัญมณี เครื่องโชคลางแห่งสก๊อตแลนด์ มีการสืบทอดแก้วที่ถือเป็นโชคลาง ระหว่างพระเจ้าชาร์ล เลอมัง จนถึงพระเจ้านโผเลียน จนถึงพระเจ้าหลุยส์นโปเลียนที่ 3
ความเชื่อเรื่อง คต~แย่ง~แสง~แก้ว อาณาจักรล้านนาโบราณ
จากสภาพทางภูมิศาสตร์ เกี่ยวกับสถานที่ตั้งของอาณาจักรล้านนาโบราณซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยป่าเขา ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอัตราความเสี่ยงต่อภัยอันตรายที่อยู่รอบด้านค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นภัยที่เกิดจากผลกระทบในการทำศึกสงคราม ภัยจากสัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด อีกทั้งภัยที่เชื่อกันว่าเกิดจากอาถรรพ์ของภูติผีปีศาจและอาเพทต่างๆ จนนำไปสู่การแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ซึ่งเป็นวัตถุที่มีความลี้ลับมหัศจรรย์อยู่ในตัวเอง สามารถคุ้มครองป้องกันภัยจากอาถรรพ์ร้ายและอันตรายต่างๆได้ เพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากการดลบันดาลของเทพยดาอารักษ์ ซึ่งได้แก่ วัตถุจำพวกเครื่องรางของขลังประเภทที่เป็นหินหรือแร่บางชนิด ที่เกิดขึ้นเองในพืชและสัตว์หรือที่เรียกกันว่า “คต” รวมทั้งแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติซึ่งเรียกกันว่า “เป๊ก” และ “เหล็กไหล” เป็นต้น นอกจากของศักดิ์สิทธิ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ คนสมัยโบราณ แก้วชนิดนี้ถือได้ว่าสูงค่ามาก ดั่งที่ว่า “มีค่าแสนคำ” เนื่องจากเป็นแก้วที่กษัตริย์โบราณถวายเป็นสักการะแก่พระบรมสารีริกธาตุในคราวบรรจุพระธาตุเจดีย์ต่าง ๆ
โดยชาวล้านนาโบราณ ได้นำมา บูชาติดบ้านเรือน หรือถักลวดเเขวนติดตัวเป็นเครื่องราง เชื่อถือกันว่า มีอานุภาพมาก สามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายให้กับผู้ที่ได้ครอบครองหรือสวมใส่อีกทั้งยังสามารถดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ความสุข ยศฐาบรรดาศักดิ์ เกียรติยศชื่อเสียง ตลอดจนทรัพย์สินเงินทองให้เพิ่มพูนมั่งคั่งยิ่งขึ้น อานุภาพของแก้วจะทำให้ผู้ที่ครอบครองมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง และยังเชื่อถือกันว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากอาถรรพ์เสน่ห์มายาทั้งปวง ของคนผู้นั้นจะถูกคุ้มครองโดยอานุภาพของแก้ว ไม่ให้โดนอำนาจมนต์มายาใดใดสะกดเอาไว้ได้
แสงโบราณล้านนา เครื่องรางสมัยตาทวด "คตแยงแสงแก้ว" เป็นเครื่องรางที่มาจากความเชื่อของชนชาวล้านนา
แก้วกับพิธีกรรม
การล้างแก้ว เชื่อกันว่าการล้างแก้วเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีที่แก้วได้ซึมซับเอาไปจากตัวเรา โดยการนำแก้วไปล้างกับน้ำที่ไหล ซึ่งอาจจะเป็นลำธาร, ก๊อกน้ำ หรือน้ำที่รินออกจากแก้วก็ได้ (ล้างได้บ่อยเท่าที่มีโอกาส)
การขึ้นพานบูชาแก้ว จะกระทำกันในวันพระ โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ) โดยการนำเอาน้ำสะอาด 1 แก้ว, ดอกไม้หรือเครื่องหอม (น้ำอบ, แป้งหอม ฯลฯ) ใส่พาน และกำหนดจิตด้วย คาถาบูชาแก้ว (หากเป็น “แก้วเข้าแก้ว” ขอแนะนำให้หาหมากหนึ่งคำใส่พานด้วย)
แก้วอาบแสงจันทร์ การนำแก้วอาบแสงจันทร์ (วันเพ็ญ) เชื่อกันว่า แก้วจะดูดซับพลังจากแสงจันทร์ ซึ่งจะมีผลทำให้แก้วมีพลังอานุภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้แก้วนั้นบริสุทธิ์อีกด้วย (เป็นที่ทราบกันดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าดวงจันทร์มีพลังที่ส่งผลกระทบถึงโลก อันเป็นสาเหตุของน้ำขึ้น น้ำลง และอื่น ๆ)
การเข้าร่วมพิธีกรรม การนำแก้วเข้าร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากแก้วจะได้ซึมซับพลังจากการแผ่เมตตาจิตของพระภิกษุ
คาถาบูชาแก้ว
แก้วโป่งข่าม ข่ามคง, แคล้วคลาด (แก้วทุกชนิด) นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ
แก้วทุกชนิด นะอุกะอะ นะมะมะอะ มะอุมะนะ อะนะอะมะ อะอุอุมะ อุนะอุอะ
(เจริญด้วยทรัพย์สมบิติ ปราศจากโรคภัย)
พิรุณแสนห่า(หรือแก้วชนิดอื่น) พุทโธโมเธยยัง มุตโตโมเจยยัง ติณโณตาเรยยัง ปะสะหังปะตัง
หมอกมุงเมือง(หรือแก้วชนิดอื่น) เทวะรานะมานะ (ภาวนาให้เกิดความร่มเย็น)
แก้วทราย(หรือแก้วชนิดอื่น) สะมามิมิทธิมามิ (เจริญด้วยสมบัติ ร่ำรวยเงินทอง)
|