เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ออกวัดเขาใหญ่ พ.ศ.2518 เนื้อทองแดงรมดำผิวเกล็ดกะดี่ นิยม สภาพสวยแชมป์
( เลี่ยมทองหนัก 8.20 กรัม )
ประวัติการสร้างวัตถุมงคลชุดนี้น่าสนใจมากเพียงแต่คนจะทราบรายละเอียดค่อนข้างน้อยทำให้หลายคนมองข้ามของดีในพิธีนี้ไปอย่างน่าเสียดายครับ ประวัติมีอยู่ว่าเนื่องจากนายเรียน นุ่มดี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ( ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ) ในสมัยนั้นท่านกำลังใกล้จะเกษียณอายุราชการและจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดที่อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี แต่เนื่องด้วยวัดเขาใหญ่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดใกล้บ้านเกิดนั้นมีสภาพทรุดโทรม เสนาสนะก็ไม่ได้รับการบูรณะมานานมาก ดังนั้นนายเรียนจึงมีความตั้งใจที่จะหารายได้จำนวนหนึ่งไปปฏิสังขรณ์วัดเขาใหญ่ให้สวยงาม พร้อมทั้งสร้างวิหารจตุรพิธพรชัยขึ้นใหม่ จึงได้นำความมาปรึกษากับหลวงปู่ดู่ท่านว่าจะทำอย่างไรดี หลวงปู่ดู่ท่านจึงได้เมตตาแนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดสร้างวัตถุมงคลตลอดจนการนิมนต์ครูบาอาจารย์มาร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีนี้อย่างละเอียด โดยพิธีพุทธาภิเษกถูกหนดขึ้นที่วัดรัตนชัย ( วัดจีน ) อ.เมือง จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่รับนิมนต์มาร่วมพิธีมีทั้งหมด 16 รูปคือ
1. พระครูสังวรวิมล ( หลวงปู่โต๊ะ ) วัดประดู่ฉิมพลี อ.บางกอกใหญ่ จ.กรุงเทพฯ
2. พระครูประสาทวิทยาคม ( หลวงพ่อนอ ) วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
3. พระรักขิตวันมุนี ( หลวงพ่อถิร ) วัดป่าเรไรย์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
4. พระโบราณคณิสสร ( หลวงพ่อใหญ่ ) วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
5. พระครูประสาทวรคุณ ( หลวงพ่อพริ้ง ) วัดโบสถ์โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี
6. พระครูสันทัดธรรมคุณ ( หลวงพ่อออด ) วัดบ้านช้าง อ.วังน้อย จ.อยุธยา
7. พระครูกัลยานุกูล ( หลวงพ่อเส่ง ) วัดกัลยาณมิตร อ.ธนบุรี จ.กรุงเทพฯ
8. หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
9. พระครูอดุลวรวิทย์ ( หลวงพ่อไวทย์ ) วัดบางซ้าย อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา
10. หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
11. พระราชสุวรรณโสภณ วัดพนัญเชิง อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
12. พระครูศรีพรหมโสภิต ( หลวงพ่อแพ ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
13. พระครูสังฆรักษ์ ( หลวงพ่อเฉลิม ) วัดพระญาติการาม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
14. พระครูภัทรกิจโกศล ( หลวงพ่อหวล ) วัดพุทไธสวรรค์ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
15. หลวงพ่อโปร่ง วัดขุนทิพย์ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
16. หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ( ศิษย์ก้นกุฎิของหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค มาในนามของท่าน )
ส่วนวัตถุมงคลที่ปลุกเสกในพิธีนี้มีอยู่ 4 ประเภท ( ไม่นับรวมของฝากในพิธีนี้ ) คือ
1. เหรียญ 9 พระอาจารย์ - จัดสร้าง 5,599 เหรียญ แบ่งออกเป็นอีกสองเนื้อคือ เนื้อเงิน ( มีเพียงบางพระอาจารย์เท่านั้น ) และเนื้อทองแดง มีทั้งแบบที่บรรจุในกล่องกำมะหยี่และที่ออกให้บูชาแบบเดี่ยว ๆ ที่นิยมเรียกว่า "เหรียญ 9 พระอาจารย์" นั้นเพราะว่าทางคณะกรรมการจัดทำเป็นเหรียญรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ที่ด้านหน้า และประทับยันต์ครูของท่านที่ด้านหลัง รวม 9 แบบ คือ หลวงพ่อนอ วัดกลาง หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไรย์ หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง หลวงพ่อไวทย์ วัดบางซ้าย หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม โดยเมื่อปั๊มเหรียญเสร็จจากโรงงาน คณะกรรมการได้นำเหรียญของแต่ละพระอาจารย์ไปมอบให้ที่วัดเพื่อให้ท่านปลุกเสกเหรียญของท่านล่วงหน้า 1 เดือนก่อนพิธีพุทธาภิเษกใหญ่
2. พระสมเด็จ 9 ชั้น - จัดสร้างเป็นเนื้อผงแก่น้ำมัน จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุ ตามประวัติกล่าวว่าพระชุดนี้หลวงปู่ดู่ท่านตั้งใจออกแบบพิมพ์และมวลสาร เพื่อถวายให้หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาคเป็นกรณีพิเศษ โดยด้านหน้าจะล้อพิมพ์พระสมเด็จวัดไชโย ด้านหลังเป็นยันต์ครูของหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค และมีคำว่า "วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี" ประทับอยู่ใต้ยันต์ครู โดยหลวงปู่ดู่ท่านได้มอบผงมหาจักรพรรดิ์จำนวนหนึ่งไปผสมเป็นมวลสาร จากนั้นนายเรียนจึงนำเรื่องนี้ได้กราบเรียนหลวงปู่สีทราบ ซึ่งท่านก็อนุโมทนาและอนุญาตตามนั้นและได้มอบผงวิเศษของท่านมาอีกจำนวนหนึ่ง สุดท้ายหลังจากได้มวลสารและกดพิมพ์เป็นองค์พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านได้บอกให้นายเรียนนำพระสมเด็จชุดนี้กลับไปให้หลวงปุ่สีท่านปลุกเสกเป็นปฐม ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาปลุกเสกให้เป็นกรณีพิเศษ 1 เดือน ( เป็นพระอีกชุดหนึ่งของสายนี้ที่ปลุกเสกนานมาก ) เสร็จแล้วจึงให้นายเรียนมารับกลับไปเพื่อรอเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่
3. พระแก้ว 3 ฤดู - จัดสร้างเป็นเนื้อผงและมีการลงสีเขียวที่พระวรกาย ปิดทองที่เครื่องทรง เฉกเช่นเดียวกับพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จ.กรุงเทพฯ จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ มีทั้งแบบบรรจุกล่อง ( ครบ 3 ฤดู ) และที่ออกให้บูชาแบบเดี่ยว ๆ ด้านหน้าเป็นรูปพระแก้วมรกตทรงเครื่องตามฤดู ( ร้อน / ฝน / หนาว ) ด้านหลังประทับยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ( นะโมพุทธายะ ) และมีคำว่า "วัดรัตนชัย ( จีน ) อยุธยา"
4. พระสามสมัย - จัดสร้างเป็นเนื้อผงโดยแบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ คือ เชียงแสน สุโขทัย อู่ท่อง ขนาดจะเล็กประมาณพระของขวัญ วัดปากน้ำ จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูปและที่ใต้พระพุทธรูปจะมีคำอธิบายศิลปะของพระพุทธรูปไว้ด้วย คือ เชียงแสน หรือ สุโขทัย หรือ อู่ทอง ด้านหลังประทับยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ( นะโมพุทธายะ ) และมีคำว่า "วัดเขาใหญ่ สุพรรณบุรี"
เกล็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เล่าขานมาสืบมาเกี่ยวกับพิธีจตุรพิธพรชัย ว่ากันเป็นประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้
ครูบาอาจารย์หลายรูปรวมถึงหลวงพ่อกวยกล่าวกับศิษย์ของท่านว่า "พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก"
พิธีนี้หลวงปู่ดู่ท่านให้นายเรียนนิมนต์หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาคมาร่วมพิธีพุทธาภิเษก แต่ขณะนั้นท่านอายุ 126 ปีเข้าไปแล้ว ท่านจึงมอบหมายให้พระอาจารย์สมบูรณ์ ศิษย์ก้นกุฎิและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้นไปร่วมพิธีในนามของท่าน แต่จะว่าไปแล้วเรื่องที่คนคิดไม่ถึงก็คือ หลวงปู่สีท่านก็ได้เดินญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกเช่นเดียวกัน เพราะท่านถือว่าท่านได้รับรับนิมนต์หลวงปู่ดู่ไว้แล้ว
พิธีนี้ว่ากันว่า นอกจากหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค เดินญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยังมีอีกรูปหนึ่งที่เดินญาณมาร่วมพิธีเหมือนกัน ซึ่งก็คือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก เพราะท่านรับปากนายเรียนว่าจะช่วยปลุกเสกอย่างเต็มที่
ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงพ่อกวยเคยถามว่า "หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค เป็นใคร ทำไมถึงมีเหรียญของท่านในชุดเหรียญ" หลวงพ่อกวยท่านตอบว่า "ท่านเป็นพระอรหันต์.."
หลังจากพุทธาภิเษกเสร็จ มีนักเลงพื้นที่พูดคุยกันว่า "จะขลังแค่ไหน.." ปรากฎว่าคำพูดนี้ได้ยินไปถึงนายเรียน ทำให้นายเรียนนำความนี้เข้าปรึกษาครูบาอาจารย์ในพระอุโบสถว่า "จะทำอย่างไรดี.." เพราะเป็นที่ทราบกันว่าสมัยนั้นการลองของประเภทจะ ๆ นิยมกันมาก เช่น เอาปืนยิง เพราะต้องการทดสอบพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าดีจริงเพียงใด ถ้าสมมติว่า "ยิงออกหรือเหรียญโดนยิงทะลุ" ทุกอย่างที่ทำมาเป็นอันจบกัน ซึ่งในเวลานั้นครูบาอาจารย์ที่พรรษาน้อยไม่กล้าออกความเห็นจึงสงบนิ่งเพื่อให้ท่านที่พรรษาสูงกว่าปรึกษาและตัดสินใจกัน ระหว่างนั้นหลวงพ่อกวย ท่านได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ทุกรูปว่า "กระผมอาสา.." หลังจากนั้นท่านจึงนำเหรียญรูปเหมือนของท่านติดตัวไปด้วยหนึ่งเหรียญออกไปนอกพระอุโบสถ แล้วพูดขึ้นว่า "ใครจะเอาไปลองบ้าง" ปรากฎว่านักเลงคนหนึ่งขออาสาเป็นผู้ทดสอบ และได้นำเหรียญดังกล่าวไปยิงที่หลังพระอุโบสถ ปรากฎว่า "แชะ ๆ ๆ.." และได้นำเหรียญมาคืนหลวงพ่อกวยท่านพร้อมขอขมาท่าน พอชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ประจักษ์ในพุทธคุณและเริ่มบอกปากต่อปากไปในวงกว้าง ส่วนหลวงพ่อกวยท่านจึงกลับเข้าไปในพระอุโบสถพร้อมกับกล่าวว่า "เรียบร้อย.."
ก่อนพระเกจิอาจารย์ทั้งหมดจะเดินทางกลับวัด ทางคณะกรรมการได้มอบวัตถุมงคลในพิธีนี้จำนวนหนึ่งให้แก่พระเกจิอาจารย์ทุกรูป เพื่อให้ท่านนำกลับไปแจกลูกศิษย์ลูกหาที่วัด ทำให้วัตถุมงคลในพิธีนี้กระจายในหลายพื้นที่
มหาพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลจตุรพิธพรชัย ที่วัดรัตนชัย เมื่อปี พ.ศ. 2518 นั้น หลวงพ่อกวยท่านพบอภินิหารของพระคณาจารย์ผู้ร่วมพิธีปลุกเสกหลายรูปด้วยกัน เมื่อท่านเดินทางกลับมาถึงวัดโฆสิตาราม ได้เล่าให้คณะศิษย์ฟังว่า พระวัดกลาง อ.ท่าเรือฯ ( หมายถึงหลวงพ่อนอ ) มีคุณวิเศษในทาง มหาอุดเป็นเลิศ พระวัดบ้านช้าง อ.วังน้อยฯ ( หมายถึงหลวงพ่อออด ) มีความเข้มขลังทางคงกระพันชาตรี เวลาปลุกเสก ตัวเฑาะว์จะหลุดลอยออกมาจากในปาก พระวัดโบสถ์ ลพบุรี ( หมายถึงหลวงพ่อพริ้ง ) มีดีทางแคล้วคลาด กำบังภัยอย่างยอดเยี่ยม
|