ประสบการณ์ปลัดขิกหลวงตาเขียว.....สมัยเมื่อปี2545ที่ผมได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ภาคใต้ ในปี2547ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อเขียวพร้อมกับเพื่อนๆตร.พลร่ม ตอนที่เข้าไปหาท่าน หลวงตาเขียวท่านพูดว่า ปลัดขิกที่ให้ไปได้ใช้บ้างหรือเปล่า เมื่อหลวงตาเขียวพูดขึ้นมาแบบนั้น พวกผมก็งง ใครไปได้ปลัดขิกท่านแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อพึ่งมากราบท่านครั้งแรก ปรากฏว่าในนั้นมีตำรวจท่านหนึ่งเคยมาปฏิบัติหน้าที่ภาคใต้ปี39 แล้วเคยได้ปลัดขิกหลวงตาเขียวไป แล้วในวันนี้แก่ก็พกมาด้วย แต่พกมิดชิดโดยคาดเอวไว้ โดยไม่มีใครเห็น เมื่อตาหลวงเขียวพูดแบบนั้น เพื่อนที่เป็นตร.พลร่มที่เคยได้ปลัดขิกตอนปี39 ก็นั่งยิ้ม แล้วก็ควักปลัดจากเอวขึ้นมาให้ตาหลวงเขียวดูพร้อมบอกว่า ผมใช้คาดเอวประจำ ซึ่งผมและตร.ท่านอื่นๆแปลกใจมากที่ตาหลวงเขียวท่านรู้ได้งั้ยว่า ตร.คนนี้พกปลัดมา ในเมื่อแก่พกมิดชิด และพวกผมก็ยังไม่รู้ว่าเพื่อนตร.มีปลัดขิกหลวงตาเขียว ยังงงที่หลวงตาเขียวท่านหยั่งรู้ได้งั้ย.......อันนี้ประสบการณ์ตรงที่เห็นกับตา ส่วนประสบการณ์อื่นๆนั้นมีดังนี้ สมัยหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมมีชีวิตอยู่ ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคล แล้วได้นิมนต์หลวงพ่อเขียวมาร่วมปลุกเสกในงาน  ทางศิษย์หลวงพ่อพูลได้ยินกิตติศัพท์ว่าหลวงพ่อเขียวเก่งทางปลัดขิก จึงได้เหลาปลัดขิกให้หลวงพ่อเขียวเสกในงาน จนปรากฏว่าหลวงพ่อเขียวเสกปลัดกระโดดออกจากพาน จนทำให้ท่านเป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกประสบการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านแถวๆวัดท่านคือมีหญิงสาวไปทำบุญที่วัด แล้วหลวงพ่อให้ปลัดขิกไปพกติดตัว แต่ว่าเป็นผู้หญิงจะพกปลัดขิกดูไม่เหมาะสมเลยใส่ในพวงกุญแจไว้ พอดีมีเหตุการณ์คนร้ายมาดักปล้นดักฉุดหญิงสาวคนนั้น ปรากฏว่าคนร้ายเห็นปลัดขิกเลื้อยออกมาจากตัวหญิงสาวเหมือนงูแล้วมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนคนร้ายตกใจพูดขึ้นว่า ผู้หญิงอะไรมีกระดอ จนคนร้ายหนีไป  และล่าสุดมีนายตำรวจใหญ่ ย้ายมารับราชการที่ปัตตานี แล้วไปพักบ้านหลวง แต่ว่ามีสิ่งเร้นลับภูตผีมารบกวนทำให้นอนไม่หลับอยู่หลายคืน จนลูกน้องพาไปหาหลวงพ่อเขียว ท่านให้ปลัดขิกไปไว้ใต้หมอน แล้วนายตำรวจท่านนั้นก็อยู่สบายๆไม่มีภูตผีมารบกวนเลย

   วิธีการใช้ปลัดขิกท่านจะมีคาถากำกับและวิธีพกพา

ตั้งนะโม3จบแล้วท่อง โอมพะลึง กำลังจะหัง สวาหะ อุปะสัมปะสุนะโมโล 3จบ

แล้วหมั่นปลุกเสกอธิฐานทุกๆวันอังคาร พฤหัส เสาร์ เวลาพกพาให้พกด้านซ้าย หน้า หลัง ห้ามพกทางด้านขวาเพราะจะทำให้มีเรื่องครับ