ชีวประวัติ

หลวงพ่อมหาวิบูลย์ พุทฺญาโณ “ สมภารรูปแรกวัดโพธิคุณ ”

ชาติกำเนิด หลวงพ่อกำเนิดที่บ้านไผ่ท่าโพ หมู่ที่ 1 ตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรของคุณพ่อชิน รวดเงิน คุณแม่มอญ รวดเงิน ( เกิดศาสตร์ ) ชาตะเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2478 อาชีพชาวนา มีพี่น้องร่วมบิดา มารดา 5 คน คือ 1.พระมหาวิบูลย์พุทฺธญาโณ ( รวดเงิน ) 2. นางบุญมี เหลืองเรือง 3. นางสาวก้านตอง รวดเงิน 4. ด.ช.ทิพย์ รวดเงิน ( เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ) 5. พระสุเทพ ฐานวุฑฺโฒ ( รวดเงิน )

ตอนเด็กอยากบวชเป็นสามเณร แต่ติดขัดที่เป็นลูกชายคนโต ถ้าท่านบวชแล้วทางครอบครัวจะไม่มีคนช่วยทำงาน เมื่อท่านได้เดินทางไปยังวัดศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อพุทธชินราชแล้วเกิดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้หลวงพ่อพระพุทธชินราชช่วยให้ท่านได้บวชเถิด ถ้าบวชแล้วจะไม่สึกตลอดชีวิต

ในปีที่จะบรรพชาเป็นสามเณรนั้น ท่านได้อยู่กับโยมพ่อ ในขณะนั้นฝนตกชุกมาก เห็นปลาพล่านไปมาก็เลยนึกอยากทำลอบดักปลา จึงไปเอาไม้ไผ่มาเหลาเป็นซี่ลอบ ขณะที่ท่านกำลังนั่งเหลาซี่ลอบอยู่ เกิดเป็นตะคริวขึ้นที่มือทำให้ไม่สามารถจะเหลาไม้ไผ่ต่อไปได้ จึงเรียกน้องชายให้ช่วยบีบนวดนิ้วมือให้ แล้วก็หมดความรู้สึกไปตั้งแต่เช้ามารู้สึกตัวตอนเที่ยงคืน โยมพ่อก็ถามว่าไปบนอะไรไว้บ้าง ท่านก็บอกไปตามความจริง โยมพ่อจึงอนุญาตให้บวช สมดั่งความปรารถนาที่ตั้งใจไว้

บรรพชาเป็นสามเณรโดยพระครูธรรมาภิรัต เจ้าอาวาสวัดบางลายเหนือ เจ้าคณะโพธิ์ประทับช้างเป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดไผ่ท่าโพเหนือ บ้านไผ่ท่าโพ ตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เมื่อปี พ.ศ. 2497 จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ได้เรียนนักธรรมและบาลีที่วัดชัยมงคล อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร หลังจากนั้นโยมบิดาเสียชีวิตจึงตัดสินใจลาสึกจากสามเณร ไปช่วยโยมมารดาและน้องเกี่ยวข้าว เมื่ออายุ 21 ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499 ณ อุโบสถวัดชัยมงคล ตำบลบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร โดยพระครูพิเศษธรรมนิวิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดชัยมงคลและเจ้าคณะอำเภอบางมูลนาก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระโบฎีกาสมจิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทรงศักดิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ พุทฺธญาโณ ” มีความหมายว่า “ ผู้มีญาณเพียงดั่งญาณของพระพุทธเจ้า ”

เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาวิชาจากบูรพาจารย์ต่าง ๆ อาทิเช่น

- หลวงพ่อพระวิเชียมุณี เจ้าอาวาสวัดอินทาราม กรุงเทพฯ ได้ศึกษาปฏิบัติภาวนาศีล

- หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต เจ้าอาวาสวัดอริยวงศาราม จังหวัดราชบุรี ได้ศึกษาธรรมปฏิบัติกรรมฐานในสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

- พระธรรมโกศาจารย์ ( หลวงพ่อพุทธทาสอินทปญฺโญ ) สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับโอวาทจากพระเดชพระคุณท่าน

- พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ ( หลวงพ่อเตียงเนกขมฺโม ) วัดเขารูปช้าง จังหวัดพิจิตร ได้ศึกษาวิทยาคมที่ได้สืบทอดมาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร และศึกษาการทำตะกรุดจากท่าน

- หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาธรรมะและเข้าถึงสมาธิตลอดทุกอิริยาบถอย่างเคร่งครัด

และยังได้ศึกษาจากพระครูสังฆรักษ์ ( ชม อนํคโณ ) วัดเขานันทาพาสุภาพ จังหวัดปราจีนบุรี) พระครูวิสุทธาจารเณร ( เทียม สิริปญฺโญ ) วัดกษัตราธิราช จังหวัดอยุธยา และพระโพธิญาณเถร ( ชา สภทฺโท ) วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี

ธุดงค์สู่ชายแดนแม่สอด ระยะนั้นหลวงพ่อได้พบกับพระธุดงค์และได้สนทนาด้วย ท่านเล่าให้ฟังถึงสถานที่อันเป็นสัปปายะทางอำเภอชายแดนของจังหวัดตาก คือ พระธาตุหินกิ่ว ดอยดินกี่ หมู่บ้านวังตะเคียน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีป่าดงดีมาก ร่มรื่นอยู่ห่างไกลชุมชน ท่านจึงตัดสินใจเดินธุดงค์มาที่แห่งนี้ ตรงนี้เองเป็นเหตุให้มาสร้างวัดโพธิคุณในเวลาต่อมา และหลวงพ่อได้พัฒนาพื้นที่นี้เป็นวัดที่เจริญขึ้นมาก มีลูกศิษย์ คณะกรรมการวัดเป็นผู้จัดการและดำเนินการสร้างเสนาสนะต่าง ๆ เช่น หอธรรมวินัย, อุโบสถหอภูมิทัศไนย, หอธรรมโฆษณ์พิศาล, หอสังฆาลัยธรรมรส ( อาคารหอฉัน ), พระธรรมจักร เป็นต้น

หลวงพ่อท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมที่เคร่งครัด มีระเบียบวินัยและอีกทั้งเป็นนักพัฒนาอีกด้วย ตลอดที่ท่านอยู่กับวัดโพธิคุณ ตั้งแต่เริ่มสร้างวัด โดยไม่ได้เห็นความเหน็ดเหนื่อยใด ๆทั้งสิ้นและยังมีลูกศิษย์อีกมากมายพร้อมใจกันมาร่วมสร้างวัดให้เจริญให้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ จนกระทั่งหลวงพ่อท่านได้เริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคภูมิแพ้และอาการของโรงปอดอุดตันเรื้อรัง แต่อาการยังไม่รุนแรง ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลแม่สอด และได้รับการตรวจรักษาครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 จนกระทั่งมาตรวจพบเนื้อร้าย (มะเร็ง) ที่โรงพยาบาลทรวงอก จึงรักษาโรคมะเร็งมาโดยตลอด จนกระทั่ง วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555 หลวงพ่อได้สิ้นลมหายใจไปอย่างสงบจากอาการภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลันและระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวในเวลา 17.05 น. สิริรวมอายุ 76 ปี 10 เดือน 15 วัน 56 พรรษา