ตะกรุดโทน หลวงพ่อสุด วัดกาหลง อ.ตี๋ใหญ่
ตะกรุดโทน หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ตัวจริงเสียงจริงสวยขั้นเทพ มีใบรับประกันพระแท้จากท่าพระจันทร์ให้ด้วยครับ สบายใจ

งามระดับแชมป์ ถ้ามีประกวดดอกนี้ที่๑. แน่นอนครับ

เชือกถักเดิมๆ ทองทาที่ตะกรุดเดิมๆ เจ้าของเดิมเก็บเก่าจริงๆไม่เคยเอาออกมาใช้บูชา สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยครับดอกนี้

ที่สำคัญแท้ดูง่ายสุดๆจบทุกสนามครับ มาพร้อมบัตรรับรองพระแท้ของท่าพระจันทร์ เอาไปเก็บเอาไปใช้สบายใจหายห่วงครับ

เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึง..เหนียวสุดยอด แคล้วคลาดคงกะพันเป็นเลิศครับ

ช่วงนี้ทหารจากทางภาคใต้วิ่งขึ้นมาหาเก็บลงไปหมดครับ

เนื่องจากประสบการณ์ที่เห็นกันจะๆ ตอนนี้ราคาแรงมากๆครับสำหรับตะกรุดของหลวงพ่อสุด วัดกาหลง
"หลวงพ่อสุด วัดกาหลง เจ้าของยันต์ตะกร้อผู้โด่งดัง"..หลวงพ่อสุด ท่านเป็นอาจารย์ของ "ตี๋ใหญ่" จอมโจรในอดีต และท่านเป็นเจ้าของยันต์ตะกร้อและเสือแผ่นที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันที่โด่งดังมากในสมัยนั้น ยันต์ตะกร้อ เป็นยันต์ที่ท่านได้ปลุกเสกขึ้นมา เมื่อตอนปลุกเสกนั้นหลวงพ่อท่านได้ลงคาถาอาคมโดยใช้ภาษาขอม เขมร และลาว โดยที่บทสวดที่ท่านสวดมีใจความว่า

“จะกระสุนก็ดี จะไฟก็ดี ก็ไม่สามารถจะทำอะไรเนื้อหนัง และกระดูกได้”

ตี๋ใหญ่ มักไปมาหาสู่หลวงพ่อสุดอยู่บ่อยๆ ตี๋ใหญ่มีของดีคือมีผ้ายันต์กับตะกรุดของหลวงพ่อสุดไว้ป้องกันตัว ถึงขนาดถูกตำรวจเป็นร้อยล้อมจับก็ยังสามารถหนีเอาตัวรอดไปได้ จนมีเสียงร่ำลือกันว่าตี๋ใหญ่มีวิชาล่องหนหายตัวได้
มีเรื่องเล่าถึงวันที่ ตี๋ใหญ่เสียชีวิต คือวันนั้นก่อนที่จะหนีไปหลบซ่อนตัว ตี๋ใหญ่สั่งให้ลูกน้องขับรถพามาหาหลวงพ่อสุด ที่วัดกาหลง เพราะต้องการมาขอผ้ายันต์และตะกรุด ที่ตนเองได้ถูกเพื่อขโมยไปเพื่อหักหลังให้ตำรวจ แต่มาแล้วไม่พบท่าน จึงกลับออกมา ระหว่างที่รถวิ่งออกมาก็โดนเพื่อที่ขโมยตะกรุดไปยิงระหว่างทาง ก่อนให้ตำรวจมาทำแผนว่ายิงตี๋ใหญ่เสียชีวิต จนเป็นช่าวที่ทำให้ตี๋ใหญ่ได้เสียชีวิตลงในขณะนั้น... "หลวงพ่อสุด วัดกาหลง" ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ปี.2526 รวมอายุได้ 81 ปี. หลังจากที่หลวงพ่อสุดมรณะภาพ มีการเผาศพของท่านได้เป็นข่าวดังทางหน้าหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ
ในเนื้อข่าวน่ากล่าวถึงศพของท่านโดนไฟเผาไหม้ไม่หมด ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังกระดูกเผาหมดแล้วแต่กระดูกของท่านยังอยู่ในภาพที่สมบูรณ์มาก ไม่บิ่นหรือแตกร้าวเป็นชิ้นๆ แบบการเผาศพทั่วๆไปเลย
ปัจจุบันทางวัดกาหลงได้นำร่างที่เป็นโครงกระดูกของท่านมาบรรจุไว้ในโลงแก้วตั้งให้ประชาชนไปกราบนมัสการอยู่ที่ชั้น 2 ของศาลาการเปรียญ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสักการะกราบไหว้