#ปลาติมิงคละ เนื้อผงว่านยา อาจารย์เบส ยุคต้นๆ หลังจารภาษาเทพ หายาก ไม่ค่อยพบเห็น ใช่ทางชุ่มเย็นโชคลาภ!!

ปลาติมิงคละ ( ติ-มิง-คะ-ละ ) ปลาติมิงคละ เจ้าแห่งท้องสมุทร เป็นสัตว์ในเทพนิยายโบราณ อาศัยอยู่ในห้วงมหาสมุทรอันลึกลับ มีพลังอำนาจมหาศาล เป็นเจ้าสมุทรทั้งปวงพลิกร่างว่ายน้ำทีแผ่นดินแทบเสทือนเลือนลั่นดั่งแผ่นดินไหว ผู้กลือนกินทุกสรรพสิ่งแม้กระทั่งมังกรไม่มีผู้ต่อกร

- ติมิงคล์....ปลาใหญ่ที่หนุนโลก คู่กับปลาอานนท์ (อนนต์)
ในสมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า ใต้โลกที่คนเราอาศัยอยู่นี้ มีปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
หนุนอยู่ เรียกว่า ปลาอานนท์ 
และยังเชื่อกันว่า เวลาที่ปลาตัวนี้พลิกตัว จะทำให้แผ่นดินไหว 
แต่บางตำนานกล่าวว่า.....ปลาอานนท์เป็นหนึ่งในพญาปลาทั้ง 7 ที่อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร ซึ่งมีชื่อดังนี้
๑. ติมิ
๒. ติมิงคละ
๓. ติมิงปิงคละ
๔. อานนท์
๕. ติมินท์
๖. อัชฌโรหะ
๗. มหาติมิ
ปลาทั้ง ๗ นี้แต่ละตัวยาว ๔,๐๐๐,๐๐๐ วา
จากวรรณกรรมนิราศนรินทร์คำโคลง ยังมีบทประพันธ์ที่กล่าวถึงชื่อปลาหนึ่ง
ในเจ็ดตัวนี้ ดังนี้
นทีสี่สมุทรม้วย หมดสาย
ติมิงคล์มังกรนาคผาย ผาดส้อน.....
ปลาอานนท์ยังมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับตำนานไฟล้างโลกด้วย คือ ..... 
เมื่อคนทั้งหลายทำบาป ไม่รู้จักบุญไม่รู้จักกรรมอันใดทั้งสิ้น 
ดังในคำกาพย์เรื่อง พระไชยสุริยา ของสุนทรภู่บรรยายไว้ว่า.....
ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระอำ
ภิกาสมณะ เล่าก็ละพระธรรม
คาถาว่าลำนำ ไปเร่ร่ำทำเฉโก
.......... ..........
ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
เมื่อคนบาปทำบาปมากเข้า ผลของบาปก็ทำให้เกิดความแห้งแล้งไปทั่ว ฝนไม่ยอมตก 
แสงแดดแผดจ้า จนแหล่งน้ำทั้งหลายเหือดแห้งสัตว์น้ำต่างๆ พากันตายเกลือน 
ต่อจากนั้นก็จะเกิดตะวันขึ้น ๒ ดวง .....ดวงหนึ่งตก อีกดวงหนึ่งก็จะขึ้นมาแทน 
ทำให้ไม่มีกลางคืน ความร้อนจะทำให้แห้งแล้งยิ่งขึ้น ผู้คนจะล้มตาย 
และคนดีจะไปสู่สวรรค์ คนเลวก็ตกนรกไป
จากนั้นก็จะมีตะวันขึ้นเป็น ๓ ดวง, ๔ ดวง และถึง ๕ ดวง ......
ทำให้แม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 สระใหญ่...ทั้ง ๗ ป่าหิมพานต์แห้งเหือดไป...
ฝูงสัตว์น้ำตายสิ้น...น้ำในมหาสมุทรขอดเหลือเพียงข้อมือเดียว 
แล้ในไม่ช้าตะวันจะขึ้นเป็น ๖ ดวง
น้ำในมหาสมุทรแห้งสิ้น...
ทั่วทั้งจักรวาลร้อนระอุเหมือนอยู่ในเตาเผา 
ในที่สุด ตะวันขึ้นเป็น ๗ ดวง พญาปลาง ๗ ซึ่งอยู่นทะเลสีทันดรทั้ง ๗ ชั้น
ก็จะละลายไหลเป็นน้ำมันติดไฟลุกไหม้ขึ้น ดังประกาศแช่งน้ำ กล่าวถึงวันสิ้นโลกว่า.....
นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่อไหม้
กล่าวถึงตะวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดตาย
เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็นไฟ วาบจตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็นเผ้า แลบ่ล้ำสีละอง...
กล่าวกันว่าเมื่อไฟล้างโลกนั้น ไฟจะไหม้ทั้งกามภูมิ ๑๑ ชั้น 
คือ จตุราบายภูมิ มนุษยภูมิ ฉกามาพจรภูมิ และ พรหมโลก 
รวมเป็น ๑๔ ชั้น ...ระยะไฟไหม้นั้นจะกินเวลานานถึงอสงไข ทุกอย่างสิ้นหมด
แล้วโลกก็รอเวลาสร้างขึ้นมาใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นนิจนิรันดร์.
ขอบคุณข้อมูลจาก หลวงพี่กล้า ครับ