กะลาราหูครูบานันตา
|
|
รายละเอียด :
กะลาราหูครูบานันตา คู่นี้เป็นศิลป์หลวง หน้ายักษ์ แล้วยังเป็นกะลาเผือกด้วย เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 ซม. สูง 6.5 ซม.
"เบญจภาคี ของดีของใช้ เครื่องรางเด่นได้ เก็บไว้ตามหวัง
ผ้ายันต์อิ่นม้า คาถาเข้มขลัง
อิ่นแก้ว พลัง คนหูมแห่ห้อม
ยันต์ครั่งบ่าตัน พันหนังแวดอ้อม สะท้อนคนทำ ร่ำพิษ
กะลาราหู กั้งกำชีวิต ปิดป้องเหตุไข้ ภัยพาล
งัวธนู ร้าย กล้าแกร่งแข็งหาญ ห้าขลังบันดาล ต้านภัยพ่ายสิ้น"
กะลาแกะ ราหูครูบานันตา 1 ในเบจภาคีเครื่องรางล้านนา คู่นี้รักทองชาดมันส์ๆ ศิลป์ช่างหลวง หน้ายักษ์ เป็นกะลาเผือก ยุคต้นประมาณปี 246x หากหายากจริงๆครับ
ต้นตำรับเกี่ยวกับรูปพระราหูอมจันทร์ ขนาดที่ว่าหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ท่านยังมาศึกษากับครูบานันตา ท่านทำราหูได้ขลัง โดยใช้กะลาตาเดียว แกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์ ด้านหลังจารอักขระแบบขอมลาว ปลุกเสกในวันที่เกิดคราส ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
กะลามะพร้าวนั้นชาวบ้านโบราณ นำมาทำเป็นข้าวของเครื่องใช้ประจำบ้านหลายอย่าง เช่น ทำเป็นที่ใส่น้ำกิน กระบวยที่ตักข้าวสาร ทัพพี กระจ่า ฯลฯ
แต่ถ้าเป็นกะลาตาเดียว ก็จะพิถีพิถันนำมาทำเครื่องใช้ และของอาถรรพณ์ที่มีคุณวิเศษ ดังที่มีท่านผู้รู้กล่าวไว้ดังนี้
(๑)...ใช้ตักข้าวสารใส่หม้อเวลาหุงหารับประทาน หากว่าประกอบอาชีพธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนบริบูรณ์ หากเป็นชาวนาชาวไร่ ก็จะทำให้ข้าวในนา และพืชไร่งอกงามดี และหากว่าเป็นข้าราชการ ก็จะเจริญด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเจ้าขุนมูลนายเป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น //
(๒)...ใช้ทำเครื่องรางของขลัง เพราะกะลามะพร้าวชนิดนี้มีอาถรรพณ์ในตัวเอง หากว่านำมาปลุกเสกประจุอาคม ก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น
(๓)...ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย และภูติผีปีศาจได้
(๔)...บูชาอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดโชคลาภอยู่สม่ำเสมอ ทรัพย์สมบัติและเงินทองจะไหลมาเทมา ไม่ขาดสาย
(๕)...ใช้สำหรับเป็นเครื่องมือของหมอโบราณ ในการตัดต้อที่ตาของคน ให้หายขาดได้
นอกจากนี้ในหมู่ผู้มีความรู้พระเวทย์อาคม ก็จะนำเอากะลามาทำเป็นเครื่องรางจำพวกราหู ซึ่งจะมีคุณ วิเศษมากขึ้นไปอีก เช่น จะมีอำนาจวาสนา มีคนยำเกรงนอบน้อม จะได้รับโชคลาภ ไร่นาสาโท ได้ลาภสัตว์สี่เท้า สองเท้า มีข้าทาสบริวาร มีเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากสรรพภัยพิบัติ ปัดรังควานอัปรีย์จัญไรทั้งปวง ขจัดคุณคน คุณไสย์ คุณเนื้อ คุณหนัง สัตว์ อสรพิษ ภูติผีปีศาจ ปราศจากโรคาพยาธิ และมีอายุมั่นขวัญยืน ฯลฯ
ราหูอมจันทร์ครูบานันตานั้น มีทั้งขนาดบูชา และขนาดเล็ก สำหรับห้อยคอ โดยขนาดเล็กส่วนมาก ฝีมืการแกะมีหลายฝีมือ แตกต่างกันไปตามความชำนาญของแต่ละบุคคล ส่วนพระคาถา หรือ อักขระเลขยันต์ที่ใช้จารลงในพระราหูกะลาตาเดียวแกะนั้น ท่านจะใช้ พระยันต์สุริยประภา และ พระยันต์จันทรประภา เป็นหลัก
สำหรับอุปเท่ห์ในการใช้นั้น ผู้บูชาควรได้รู้ถึงความสำคัญแห่งพระยันต์ ดังนี้
สิทธิการิยะ ยันต์สุริยประภา และยันต์จันทรประภา ทั้งสองยันต์นี้ เป็นพระยายันต์ที่ประเสริฐกว่ายันต์อื่นใดในโลก ถ้าบุคคลใดปราถนาสมบัติ พัสดุ แก้ว แหวน เงินทองทุกประการ จงให้สร้างพระยันต์นี้ขึ้นบูชาเถิด
มีตำนานกล่าวมาว่า มีพระฤาษี ๒ ตน สถิตอยู่ ณ เขายุคนธร ได้พิจารณาเล็งดูมนุษย์ทั้งหลายว่า ในกาลภายหน้าจักมีทุกข์ภัยเวทนา หาสมบัติมิได้ จึงใคร่จะช่วยทุกข์แห่งมนุษย์ทั้งหลาย ฤาษีตนหนึ่งจึงสร้างยันต์ขึ้นยันต์หนึ่งชื่อ สุริยประภา อีกตนหนึ่งสร้างยันต์ จันทรประภา ขึ้น ผู้ที่จะทำยันต์ทั้งสองนี้ ให้หากะลามะพร้าวตาเดียว เอามาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์อันหนึ่ง พระราหูอมพระอาทิตย์อันหนึ่ง จึงให้ลงยันต์สุริยประภาที่พระอาทิตย์ ลงยันต์จันทรประภาที่พระจันทร์ พระยันต์ทั้งสองนี้ เป็นของมีค่าหามิได้ จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยาก แม้ว่าสมบัติบรมจักรพรรดิ และสมบัติพระอินทร์ หรือ ดวงแก้วมณีโชติ ก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้งสองนี้ได้ ฯ
ผู้ที่หวังเจริญในลาภยศ และอยากจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทอง ก็ให้คิดสร้างขึ้นเถิด
เมื่อจะทำพระยันต์ทั้งสองนี้ ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ให้ตกแต่งอาสนะขึ้น ๒ ที่ บูชาสักการะด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน บูชาพระอาทิตย์ สิ่งละ ๖ บูชาพระจันทร์ สิ่งละ ๑๕ ให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์ดี หรือ วันเพ็ญ วันสูรย์คราส วันจันทร์คราส เมื่อจะกระทำนั้น ให้ชำระตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อน แล้วจึงกระทำ ฯ ยันต์สุริยประภา (พระอาทิตย์) และ ยันต์จันทรประภา (พระจันทร์) ทั้งสองนี้ เวลากลางวัน ให้บูชาและปลุกเสกยันต์สุริยประภา เวลากลางคืน จึงให้ปลุกเสกยันต์จันทรประภา เมื่อกระทำแล้ว ให้เสกด้วยคาถาที่ลงนั้น ๑๐๘ เสร็จแล้ว จึงเอายันต์สุริยประภา ใส่ในตลับทอง เอายันต์จันทรประภา ใส่ในตลับเงิน ให้จุนเจิมด้วยแป้งหอม น้ำมันหอม แล้วเอาบูชาไว้ เมื่อจะใช้ ให้ใช้ตามอุปเท่ห์ดังกล่าวนี้ พระยันต์ทั้งสองนี้ ผู้ใดนับถือบูชาไว้ มิรู้อดอยาก ตกทุกข์ได้ยากเลย ให้นับถือบูชาประดุจสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด ฯ เมื่อจะใช้ยันต์สุริยประภานั้น ให้เอาคาถานี้นมัสการก่อน ๗ ที
“เอหิจักขุ นาฬิเกลา สุริยะประภา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ ระตะนะ สัมปันโน มณีโชติระโส ยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา ฯ” แล้วจึงว่าพระคาถากำกับพระยันต์ ดังนี้
กลางวัน “กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุตติโม มะมะ คุตติโม” (ว่ากำกับ ๓ จบ ๗ จบ)
กลางคืน “ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสกา มะมะ กาเสตัง กาติยะ มะมะ ยะติกา” (ว่ากำกับ ๓ จบ ๗ จบ)
“ครูบาเจ้า นันตา นันโท”แห่งวัดทุ่งม่านใต้ จังหวัดลำปาง ครูบานันตาท่านเกิดที่บ้านทุ่งม่านใต้ ต.บ้านเป้า อ.เมื่อง จ.ลำปาง เกิดเมื่อ พ.ศ.2415 ท่านเป็นเกจิยุคเก่าที่ร่วมยุคสมัยกับครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาจึงนับได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคต้นๆของล้านนาที่มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือทั้งในและนอกพื้นที่เป็นอย่างมากด้วยครูบาท่านเป็นพระสมถะไม่ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญใดๆเป็นพระที่บริสุทธิ์โดยแท้ได้เรียนรู้และศึกษาตำราจากอาจารย์ท่านต่างๆจนแตกฉานและท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วยลูกศิษย์ใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าครูบาท่านเป็นพระเกจิจอมขมังเวทย์ด้วยจิตที่แก่กล้าแค่ท่านอธิษฐานก็สำเร็จแล้วท่านมักจะสร้างวัตถุมงคลหลายๆอย่างเพื่อเอาไว้แจกลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้ใช้ป้องกันภัยเวลาเดินทางพุทธคุณครอบจักรวาลอย่างเช่นตะกรุดโทนเสื้อยันต์ผ้ายันต์นากเกี้ยว
วัวธนูและของวิเศษที่ได้รับการกล่าวถึงเสมอๆลูกศิษย์อยากได้เป็นเจ้าของมากที่สุดและเป็นที่หวงแหนมากที่สุดนั้นคือ”กะลาพระราหู”ที่ท่านสร้างเอาไว้แจกลูกศิษย์”กะลาราหู”ที่โด่งดังของล้านนา แม้แต่หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ยังมีคนเรื่องเล่าสืบต่อมาว่าครั้งนึงยังได้ขึ้นมาเรียนวิชาทำกะลาเพิ่มเติมจากครูบานันตา กะลาแกะของท่านมีทั้งที่แกะแบบวิจิตรพิสดารฝีมือแบบช่างหลวงและฝีมือแบบชาวบ้านพ่อน้อยพ่อหนานลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ติดตามรับใช้เป็นคนแกะให้มีครูอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันที่ยังเป็นตำนานที่อ้างอิงเรื่องราวในอดีตได้ชี้แนะบอกกล่าวเรื่องราวต่างๆไม่ให้ผิดเพี้ยนพ่อหนานได้เล่าให้ฟังว่าช่างที่แกะกะลาให้ครูบาท่านที่รู้ๆที่เห็นมีอยู่ 5 ท่าน ศิลปะแตกต่างกันไปบ้างส่วนใหญ่เป็นศิลปะแกะแบบพระราหูครึ่งองค์ที่เรียกง่ายๆว่าศิลปแบบหัวจุกแกะจากกะลาตาเดียวอ่อนบ้างแก่บ้างแล้วแต่จะหาได้และที่พิเศษก็เป็นกะลาเผือก เล็กบ้างใหญ่บ้างไม่แน่นอน มีทั้งลง รัก ชาด ทอง หรือเป็นแบบที่ไม่ลงอะไรเลยก็มีท่านเล่าว่าเวลาครูบาท่านไปไหนนั่งรถเกวียนไปต่างถิ่นมักจะเห็นท่านนั่งแกะกะลาไปด้วยอธิษฐานจิตไปด้วยและก็เอาเก็บไว้ในย่ามเพื่อรอฤกษ์ยามที่จะทำการปลุกเสก กะลาของครูบานันตาถือได้ว่าเป็นที่แสวงหาของนักสะสมเครื่องรางล้านนา จึงไม่แปลกอะไรเลย ที่กะลาของท่านจะเป็นที่นิยมอย่างมากติดอันดับต้นๆของเครื่องรางล้านนา
ครูบานันตาท่านเคยทำกะลาราหูถวายให้แก่ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไว้พกติดตัวครั้งที่ต้องเดินทางไปสอบอธิกรณ์ยังกรุงเทพ การสร้างกะลาของท่านจะแกะเองจึงยังเป็นความลับที่ดำมืดมีกะลาอีกหลายคู่ที่ท่านแกะอย่างวิจิตรสวยงามทำให้คนสำคัญถูกเก็บรักษาไว้โดยไม่มีออกมาให้เห็นอีกเยอะ ส่วนที่เห็นบ่อยๆท่านจะบอกให้ช่างแกะกะลาขึ้นเป็นรูปพระราหูได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นแล้วนำมาเข้าพิธีปลุกเสกตามฤกษ์ที่สันทรายกลางแม่น้ำวังในการทำพิธีปลุกเสกในแต่ละครั้งท่านจะทำให้เสร็จภายในคืนเดียวและท่านจะปลุกเสก ตามคำบอกกเล่าว่าบางครั้งจารแค่เพียงคู่เดียวแบบนำฤกษ์ครูท่านเป็นพระอภิญญาแก่กล้าแค่ตั้งจิตอธิษฐานก็สำเร็จแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหมดซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งแล้วท่านจะนำกะลาทั้งหมดกลับไปปลุกเสกในกุฏิอีกครั้ง และนำออกมาแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์เอาไว้บูชา
กะลาของท่านมีทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว แต่ส่วนมาก เรามักนิยมแบบคู่มากกว่าคือ มีทั้งสุริยประภาและจันทรประภาคือกลางวันและกลางคืน การบูชาจะนำกะลาทั้งสองชิ้นมาประกบกัน กลางวันให้บูชาสุริยะประภา กลางคืนให้บูชาจันทรประภา การบูชากะลาราหูนั้น โบราณท่านว่า ถ้าบูชาอย่างถูกวิธีมักให้คุณเอนกอนันต์ ทั้งเมตตาค้าขายร่ำรวยเงินทอง อยู่ยงคงกระพัน หนุนดวงกันป้องกันสิ่งเร้นลับภูตผีปีศาจ หวังสิ่งใดก็จะสำเร็จตามแต่จะอธิษฐานแบบครอบจักรวาลเรื่องความขลังเครื่องรางของท่าน
ครูบาเจ้า นันตา นันโท มรณภาพเมื่อปีพ.ศ. 2504 อายุได้ 90 ปี
อุปเท่ห์การใช้กะลาราหูของ ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ แบบฉบับเต็มสมบูรณ์ โดยท่านครูบานันตาท่านได้จดบันทึกไว้ใน สมุดปั๊บสาของท่าน ไว้ว่าดังนี้...'''
(( ยันต์มะป้าวต๋าเดียว 2 ลูกนี้หื้ออบรมหื้อขะอูปเงินขะอูปคำไว้ฮักษาไว้เป็นดั่งดวงแก้วมณีโชติ แห่งพญาจักรวัตินั้นเต๊อะ ก็หากจักจำเริญไปด้วยสมบัติข้าวของเงินคำมั่งมูลจ้างม้างัวควาย ข้าคนเข้าของปิจจะจื่นบานอันหนึ่งก็เป็นตี่ฮัก แก่คนและเตวดาตังหลายไผบ่ห่อนดูแคลนได้แล ผิว่าจักไปหาขุนหานายหื้ออบรมแล้วไปดี แลผิว่าจักไปก้าไปขายตำบลหนใด หื้ออบรมแล้วไปมีโชคลาภแล ผิว่าจักไปรบศึกหื้ออบรมด้วยเงินคำแล้วไปแป้ข้าศึกม๊อกนาดปืนไฟดาบก็บ่ามาใกล้ได้แล กันจักไปหื้อเอาราหูแจ่น้ำส้มป่อยดำหัวบ่อั้นก็เอาแจ่น้ำมันงาทาหน้าผากแป้ข้าศึกแล ผิว่าเอาแจ่น้ำมันหุงนวดสีปากแม้นท่านเครียดก็ปากจ๋าดี อิตถีก็ฮักแม้นจักไปสถานะตี่ใดก็ดี เอาราหูมานบคบยำแล้วไปมีโชคจัยลาภะการมากนักแล ผิว่าผู้หญิงประสูติลูกบ่ออก เอาราหูแจ่น้ำหื้อกิ๋นทากระหม่อมออกแล ผิว่างัวควายเป็นขี้รากบ่กิ๋นหญ้า เอาราหูแจ่น้ำกับหญ้าหื้อกิ๋นหายแล ผิว่าก้าขายเอาราหูแจ่น้ำปะของก้าขายบ่ขาดแล ผิว่าเจ็บหัวมัวตาเป็นขี้รากปั่นมัวเมา เอาราหูแจ่ซ่วยหน้ากินหายแล ผิว่าผะผายประตูบ้านโจรบ่มาใกล้ได้ ผิว่าท่านมีคำต่อเฮาเขียนจื่อมันใส่ใบปูแล้วเอาราหูเต๋งไว้ยะกำต่อเฮาบ่แป้เฮาได้ ผิว่าใคร่ได้คนใดเขียนเจื่อมันใส่ใบปูเอาราหูเต๋งไว้ไปหามันฮักเฮามากนักแล ผิว่าจักกระตำไร่นาเอาราหูแจ่น้ำพะเข้าปลูกดีแล ใคร่มีรยศเป็นนายหื้ออบรมวัน 1 อบรมวัน 3 แป้ข้าศึกอาหารการกิ๋น อบรมวัน 4 อบรมวัน 5 มีผญ๋า อบรมวัน 6 ข้าวของ อมรมวัน 7 ท่านฮัก อบรมทุกวันยิ่งดีนักแล………))
'' คาถาเสกกะลาว่าดังนี้ ''
สุริยปราภา กุ เส โต๋ โต๋ โม มะ มะ รา รา มะ มะ โม โต๋ ติ กุ เห
จันทรประภา หยะ ถา ตั๋ง ตั๋ง หยะ มะ มะ ตั๋ง ตั๋ง มะ มะ ตั๋ง ตั๋ง เส ก๋า เส
|
โทรศัพท์ :
0909979955, 0909979955
วันที่ :
15/06/17 17:49:50
|
|
|
|
|
|