เต่าพญาเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลอง
|
|
ชื่อพระ :
เต่าพญาเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลอง
รายละเอียด :
พญาเต่าเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท เต่าตัวนี้เป็นเนื้อชินครับ ด้วยอายุอานามความเก่า จนเนื้อดูเหมือนสำริดเงินละครับ องค์นี้งดงามมาก ดูง่ายมากๆครับ รับประกันตลอดชีพครับ ของดีหายากช้าอดนะครับ พญาเต่าเรือน ที่สร้างขึ้นมาซึ่งให้คุณทางด้านเมตตามหานิยมรวมทั้งโชคลาภ วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบ พญาเต่าเรือนนี้มีสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว และที่โด่งดังในยุคปัจจุบัน ได้แก่ พญาเต่าเรือน หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และพญาเต่าเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พญาเต่าเรือน ยุคแรก ๆ ของหลวงปู่ศุข เป็นพญาเต่าเรือนที่่่หายากและมีจำนวนน้อย เป็นพญาเต่าเรือนเนื้อชิน ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เล่ากันว่า เมื่อท่านเทหล่อพญาเต่าเรือนและนำมาปลุกเสก ปรากฏว่าเต่าจากทุกสารทิศคลานเข้ามาในลานวัด อย่างมากมายพอหลวงปู่ยุติการปลุกเสกมันก็พากันคลานหายไป น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก พญาเต่าเรือนตัวนี้ เป็นเต่าเรือนที่หล่อขึ้นในยุคแรก ๆ มีรอยจารด้านบน และใต้ท้องพญาเต่า เครื่องรางของขลัง ที่เรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน” แห่งโชคลาภ ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนับถือสัตว์หลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ เช่น ช้าง (พญาฉัททันต์) นกคุ่ม (ลูกนกคุ่ม) นกยูง (พญานกยูงทอง) เต่าหรือพญาเต่าเลือนอันกลายมาเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของคนไทย แม้กระทั่งคนจีนก็ยังถือว่าเต่าเป็นสัตว์นำโชคลาภและสัตว์ที่มีอายุยืนยาวจะไม่นิยมกินเป็นอาหารเพราะถือว่าเป็นการบั่นทอนอายุของตนเอง แต่สำหรับคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเต่าเลือน คือ พระโพธิสัตว์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากอันตราย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า “ครั้งนั้นสมเด็จพระทศพลเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีร่ายกายอันใหญ่โตกินแต่ใบไม้และพลาหารต่าง ๆ บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและร่างกายของพระองค์ใหญ่เท่ากับเรือนหลังใหญ่ ๆ เรียกกันว่า เต่าเรือน ท่านเสวยสุขอยู่จนกระทั่งวันหนึ่งมีสำเภาของพ่อค้ามาอับปางลงที่หน้าเกาะ ส่วนลูกเรือและพ่อค้ารอดชีวิต จากความตายในทะเลได้แต่ก็ต้องมาผจญกับความอดยาก เพราะบนเกาะไม่มีอาหารการกินแม้แต่สัตว์ใด ๆ พญาเต่าเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท เต่าตัวนี้เป็นเนื้อชินครับ ด้วยอายุอานามความเก่า จนเนื้อดูเหมือนสำริดเงินละครับ องค์นี้งดงามมาก ดูง่ายมากๆครับ รับประกันตลอดชีพครับ ของดีหายากช้าอดนะครับ พญาเต่าเรือน ที่สร้างขึ้นมาซึ่งให้คุณทางด้านเมตตามหานิยมรวมทั้งโชคลาภ วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบ พญาเต่าเรือนนี้มีสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว และที่โด่งดังในยุคปัจจุบัน ได้แก่ พญาเต่าเรือน หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และพญาเต่าเรือน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พญาเต่าเรือน ยุคแรก ๆ ของหลวงปู่ศุข เป็นพญาเต่าเรือนที่่่หายากและมีจำนวนน้อย เป็นพญาเต่าเรือนเนื้อชิน ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เล่ากันว่า เมื่อท่านเทหล่อพญาเต่าเรือนและนำมาปลุกเสก ปรากฏว่าเต่าจากทุกสารทิศคลานเข้ามาในลานวัด อย่างมากมายพอหลวงปู่ยุติการปลุกเสกมันก็พากันคลานหายไป น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก พญาเต่าเรือนตัวนี้ เป็นเต่าเรือนที่หล่อขึ้นในยุคแรก ๆ มีรอยจารด้านบน และใต้ท้องพญาเต่า เครื่องรางของขลัง ที่เรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน” แห่งโชคลาภ ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนับถือสัตว์หลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ เช่น ช้าง (พญาฉัททันต์) นกคุ่ม (ลูกนกคุ่ม) นกยูง (พญานกยูงทอง) เต่าหรือพญาเต่าเลือนอันกลายมาเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของคนไทย แม้กระทั่งคนจีนก็ยังถือว่าเต่าเป็นสัตว์นำโชคลาภและสัตว์ที่มีอายุยืนยาวจะไม่นิยมกินเป็นอาหารเพราะถือว่าเป็นการบั่นทอนอายุของตนเอง แต่สำหรับคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเต่าเลือน คือ พระโพธิสัตว์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากอันตราย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า “ครั้งนั้นสมเด็จพระทศพลเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีร่ายกายอันใหญ่โตกินแต่ใบไม้และพลาหารต่าง ๆ บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและร่างกายของพระองค์ใหญ่เท่ากับเรือนหลังใหญ่ ๆ เรียกกันว่า เต่าเรือน ท่านเสวยสุขอยู่จนกระทั่งวันหนึ่งมีสำเภาของพ่อค้ามาอับปางลงที่หน้าเกาะ ส่วนลูกเรือและพ่อค้ารอดชีวิต จากความตายในทะเลได้แต่ก็ต้องมาผจญกับความอดยาก เพราะบนเกาะไม่มีอาหารการกินแม้แต่สัตว์ใด ๆ ก็ไม่มียกเว้นพญาเต่าเรือน จึงได้แต่นอนรอคอยความตาย บ้างก็ร่ำ ๆ จะเข้ากินกันเองเป็นอาหาร ดังนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าเห็นพ่อค้าและลูกเรือทั้งหลายจะพากันมาอดตายกันหมดก็เกิดความสลดใจและเห็นว่าตัวเราก็มีเนื้อมาก อีกทั้งอายุก็มากแล้วหากต้องตายไปตามอายุร่างกายก็จะเน่าเปื่อยหาประโยชน์ไม่ได้ ซึ่งชีวิตนั้นก็เกิดแก่เจ็บตายก็เลยอธิฐานเอาร่างกายตนเป็นทานจึงคลานมาที่หน้าผาแล้วทิ้งตัวลงไปทำให้กระดองกระแทกกับแง่หินแตกกระจาย เนื้อก็ไหลออกมากองอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง และทำให้พ่อค้ากับลูกเรือทั้งหลายได้อาศัยเนื้อเต่ากินเป็นอาหาร จึงรอดตาย จนกระทั่งมีเรือผ่านมารับไปและจากการกระทำของพระโพธิสัตว์ในการอุทิศร่างโดยการเลื่อนลงมาจากหน้าผานั้นเลยเรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน” คำว่า “เต่าเรือน” จึงเป็นนามของพระโพธิสัตวืที่มีรูปร่างใหญ่และคำว่า “เต่าเลื่อน” จึงเป็นนามของพระโพธิสัตว์ขณะเลื่อนตัวเองลงมาจนกระดองแตกถึงแก่ความตายเพื่อเอาเนื้อเป็นทาน มิใช่เต่าเลือนที่เลอะเลือนจนมองไม่เห็นชัดเหมือนกับที่เขามั่วกันส่งเดชอยู่ในเวลานี้ ส่วนเต่าเลือนนั้นเป็นชื่อยันต์ที่ผูกขึ้นเป็นรูปเต่าเพื่อใช้ในการทำการสู้คดีความที่เป็นอยู่ให้หายไป มิใช่นามของพระโพธิสัตว์ก็หาไม่ และการทำยันต์เต่าเลือนนั้น เขาจะใช้การลบผงยันต์เต่าเรือนโดยซักยันต์คำว่า “นาสังสิโม” อันเป็นหัวใจเต่าเรือนแล้วลบเอาผงมาใช้ในการปั้นรูปเต่าแล้วเอาชื่อของคู่คดีที่มาให้ทำเขียนใส่กระดาษมายัดเข้าไปในอกเต่าแล้วปิดทับให้สนิท เมื่อปลุกเสกแล้วเอาไปฝังดินเอาอิฐทับ และกล่าวกันว่าคดีความนั้นฝ่ายโจทย์จะให้การขัดแย้งกันเอง จนเลอะเลือนจับต้นชนปลายไม่ถูกกับแพ้คดีไปในที่สุด การทำต้องทำให้กับผู้ที่ไม่มีความผิดแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายความผิดเท่านั้น หากทำให้กับฝ่ายผู้ผิดเป็นการละเมิดครูผู้ที่ทำจะวิบัติต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครกล้ากระทำให้ผู้ผิดยกเว้นจำพวกที่เป็นแก่ได้หรือมีความโลภซึ่งผลจากการกระทำก็ลงเอยด้วยคือ ความพินาศนั่นเอง สำหรับพระเกจิอาจารย์ทั่วไปนั้นท่านได้ผูกยันต์เต่าเรือนไว้เพื่อเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันตัวให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย โดยผูกเป็นยันต์รูปเต่ามีหัวมีหางบรรจะอักขระจากหัวว่า “นา” แล้วมาทางไหล่ว่า “สัง” และมาตรงปลายกระดองหลังว่า “สิ” ส่วนหางเรียกว่า “โม” รวมเป็นสี่คำ บางท่านก็ผูกยันต์เป็นกระดองด้วยลวดลายเป็นตาตารางแล้วบรรจุลงด้วยหัวใจเต่าเรือนที่คำสลับไปมาเรียกว่า เดินหน้าถอยหลังแล้วปลุกเสกกำกับเอาติดตัวไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวอันตราย จะทำการค้าขายก็ใช้ได้ผลดี |
โทรศัพท์ :
0909979955, 0909979955
วันที่ :
15/06/17 17:08:42
|
|
|
|
|
|