ครูบาดอนตัน
นามเดิมชื่อว่า บุญทา ใจเฉลียว บิดาชื่อ นายคำเขียว มารดาชื่อ นางคำดี
ท่านเกิดวันที่ 5 มกราคม 2439 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 เหนือ ปี วอก ที่บ้านดอนตัน ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน มีพี่น้อง 3 คนคือ นางสังฆ์ ยานะ (ถึงแก่กรรม) นางขันคำ ราชภัณฑ์ (ถึงแก่กรรม) และครูบาดอนตัน
พออายุครบ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2455 ที่วัดดอนตัน โดยมีพระเตวินต๊ะ เจ้าอาวาสวัดสบหนองเป็นพระอุปัชฌาย์ พออายุครบ 21 ปี ได้อุปสมบทที่วัดดอนตัน เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2460 โดยมีพระเตวินต๊ะ เจ้าอาวาสวัดสบหนองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระพรมเทพ เจ้าอาวาสวัดม่วงใต้ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอุปทะ เจ้าอาวาสวัดตาลชุม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ครูบาดอนตันนั้นท่านได้ฝึกอ่านเขียนอักษรธรรมล้านนาและเรียนพุทธอาคม เวทมนต์คาถา และโหรศาสตร์ จากครูบาอาจารย์และจากฆราวาส
ต่อมาท่านได้ธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ บางครั้งหลวงปู่เคยเดินทางไปถึงจังหวัดอยุธยา ส่วนทางเหนือบางครั้งจนถึงประเทศลาว เชียงฮ่อน เชียงแสน เชียงของ เชียงคำ ตลอดถึงเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ถ้ำปู ถ้ำปลา เชียงดม เชียงดาว ดอยติ ดอยสุเทพ เพราะครูบาดอนตันบอกว่ามีอาจารย์ดีๆอยู่ที่ไหน ครูบาท่านก็จะเดินทางไปเรียนวิชาให้ได้ ท่านเคยผ่านพิธีการอาบว่านหรืออาบขางตามภาษาล้านนาที่เรียกกัน มากถึง 7 หม้อ 7อาจารย์ ซึ้งเป็นเคล็ดวิชาด้านคงกระพันของล้านนา และที่สำคัญครุบาดอนตันท่านยังไปเรียนวิชากับครูบาเจ้าวัดบ้านไผ่ อ.สา (คือครูบาสุรินทร์ ซึ้งเป็นอาจารย์เดียวกันกับที่ครูบาไผ่ไปเรียนวิชาด้วย )และยังฝากตัวเป็นศิษย์กับครูบาเจ้าวัดม่วงตื้ด อ.เมือง น่าน
และท่านยังเคร่งคัดในเรื่องการถือตัวกับผู้หญิงเป็นอย่างมาก โดยหากมีโยมผู้หญิงเข้ามาหาท่าน ครูบาท่านมักจะให้นั่งรอข้างล่างกุฏิเสมอไม่ยอมให้ขึ้นไปบนกุฏิอย่างเด็ดขาด หากจำเป็นที่โยมผู้หญิงเดินทางไกลเพื่อมากราบท่าน ครูบาดอนตันนั้นจะต้องเรียกลูกศิษย์มานั่งด้วยเสมอและเวลาพูดคุยครูบาดอนตันนั้นจะไม่มองหน้าโยมผู้หญิงเลย ท่านถือว่าผู้หญิงนั้นเป็นข้าศึกแห่งพรหมจรรย์ ครั้งตอนที่ท่านอาพาธที่โรงพยาบาลมีโยมพยาบาลผู้หญิงจะมาฉีดยาให้ท่าน แต่ท่านไม่ยอมให้โยมพยาบาลผู้หญิงแตะเนื้อต้องตัวเพื่อฉีดยาให้ท่าน จึงต้องให้พยาบาลผู้ชายมาฉีดยาให้ท่านจึงถึงจะยอมเพราะท่านเคร่งในเรื่องการถือคาถาเป็นอย่างมาก
ครูบาท่านนั้นยังฝึกฝนด้านอาคม เลขยันต์ วิชานั่งเทียน สำหรับตะกรุดนั้น ครูบาดอนตันสร้างตะกรุดแบบต่างๆมากมายเช่น ตะกรุดโทน ตะกรุดพับ ตะกรุด108 ตะกรุดชุด ที่สร้างชื่อมากที่สุดคือ ตะกรุดเมฆบังวัน สามแหลม ตะกรุด108 ซึ้งมีอภินิหารในทางแคล้วคลาดเป็นเลิศ
ปัจจุบันพระเครื่องที่จัดสร้างรวมแล้วเกือบ 30 รุ่น หรือประมาณ 45เนื้อหา/ทรงพิมพ์ ซึ้งบางครั้งท่านได้อนุญาติให้ทางวัดที่กำลังก่อสร้าง ให้สร้างเหรียญของท่านเพื่อมอบเป็นปัจจัยหาทุนในการก่อสร้าง เช่น ที่วัดมิ่งเมือง อ.เมือง วัดศิลามงคล อ.ท่าวังผา วัดพระเนตร อ.สา วัดพลับพลา จ.นนทบุรี วัดธรรมจักร จ.พิษณุโลก วัดชะอำ จ.เพชรบุรี วัดทุ่งกวาว จ.แพร่ วัดป่าเหมือด อ.ปัว และท่านยังอนุญาติให้ทางราชการจัดสร้าง ดอนตันรุ่นผญาผานอง เพื่อหาเงินสร้างอนุสาวรีย์พญาผานอง
โดยเฉพาะเมื่อปี 2519 ทางคณะวัดกรรมการวัดศิลามงคล(บ้านท่าวังผา) ได้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือน,ซุ้มลึก,ซุ้มตื้น เพื่อมอบให้พุทธศาสนิกชนที่บริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างวิหาร วัดศิลามงคล โดยจัดสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 18มิถุนายน 2519 ชื่อรุ่นว่า รุ่นพิเศษ โดยหลวงพ่อเมตตาได้มาปลุกเสกด้วยตนเองพร้อมกับพระเกจิอีกหลายท่าน โดยมี ท่านผู้ว่าโชดก วีรธรรมพูลสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในสมัยนั้นเป็นประธานจุดเทียนชัย
สมณศักดิ์
วันที่ 5 ธันวาคม 2513 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามว่า พระครูเนกขัมมาภินันท์
วันที่ 5 ธันวาคม 2521 ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ซึ้งเป็นรูปแรกของคณะสงฆ์เมืองน่าน ราชทินนาม พระครูเนกขัมมาภินันท์ ท่านปกครองวัดดอนตันนานถึง 61 ปี
งานปกครองและต่ำแหน่งหน้าที่ต่างๆ
ปี 2462 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนตัน
ปี 2465 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดอนมูล
ปี 2475 ได้รับแต่งตั้งเป้นกรรมการศึกษาประชาบาล
ปี 2478 ได้รับแต่งตั้งเป้นพระอุปัชฌาย์
หมายเหตุ ปี2478 ครูบาท่านลาออกจากต่ำแหน่งพระอุปัชฌาย์
ปี 2495 ครูบาท่านลาออกจากต่ำแหน่งเจ้าคณะตำบลดอนมูลเพราะอายุสู่วัยชราและสุภาพไม่ค่อยแข็งแรงเนื่องจากต้องไปเป็นพระอุปัชฌาย์ทีไกลๆ เพราะสมัยนั้นรถยนต์ยังไม่มีใช้
วัตถุมงคลของท่านต่างๆที่หลวงพ่อวัดดอนตันได้เมตตาปลุกเสกแล้ว จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สมกับเป็นสุดยอดพระเถรจารย์ของเมืองน่านโดยแท้
ที่สร้างชื่อเสียงอย่างกว้างขวางได้แก่เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกปี14 โดยจัดสร้างขึ้น 3000 เหรียญเป็นเนื้อทองแดงกะไหล่ทองทั้งหมดโดยเหรียญรุ่นแรกนี้ คุณทวี บุญซื่อ เจ้าของโรงบ่มใบยาบ้านดอนตัน ร่วมกับกำนันยงยุทธ แววหงษ์ และคณะศัทธาบ้านดอนตันจัดสร้างขึ้นเมื่อปี2513 ซึ้งเป็นปีที่ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ครั้งแรก ซึ้งถือว่าเป็นเหรียญที่ชาวน่านหวงแหนและมากประสบการณ์มากที่สุด
อภินิหารของท่าน
ในระหว่างที่ครูบาท่านถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับลูกศิษย์จนกระทั่งเลืองลือไปทั่วทุกสารทิศ ครั้งสมัยครูบาดอนตันยังเป็นพระหนุ่มรับรองว่าปืนยิงไม่ออก มีดฟันไม่เข้า ได้มีคณะศัทธาญาติญาติโยมนำผ้าป่ามาถวาย มีคนในกลุ่มที่มาอยากลองของครูบาดอนตัน จึงเอาปืนยิงเข้าไปใต้ถุนกุฏิที่ท่านอยู่ ปรากฏว่ายิงเท่าไรก็ไม่ออกจนหันปากกระบอกปืนไปทางอื่นจึงยิงออก
ถ้าครูบาดอนตันลงครู (ไหว้ครู) ครูบาดอนตันจะลองคงกระพันหลายอย่างตามที่ท่านเรียนมา เช่น จับมีดปลายแหลมขึ้นมาแทงตัวเอง เอาขวานสับหน้าแข้งจนลุกเป็นควัน ร่างกายของครูบาดอนตันนั้นผิวหนังของท่านจะตกสะเก็ดทั้งนี้เป็นเพราะครูบาดอนตัน ตอนท่านอาบขางนั้นจะต้องเผาขางจนลุกแดงแช่ให้ร้อน
มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถูกลองของครูบาท่านจะแก้อาคมได้ทุกครั้ง บางครั้งครูบาดอนตันจับเหล็ก(ตะปู)ได้(เวทมนต์)เป็นชิ้นๆ เพราะถูกปลุกเสกเป็นแม่ผึ้งบินมา ทางภาคเหนือเรียกว่า ถูกตู้ (คุณไสย)
ครูบาดอนตันนั้นจะเข้านอนเวลา 4 ทุ่มเป็นประจำและจะตื่นนอนเวลาตี5 ลุกขึ้นมาสวดมนต์ภาวนาจนถึง 6 โมงเช้าทุกวัน โดยจะมีคนแก่ในหมู่บ้านมานอนกับครูบาท่านวันละ 2คนทุกวัน
อวสานกาล
ครูบาดอนตันท่านเริ่มอาพาธ เมื่อต้นปี 2523 ด้วยโรคขราและเกี่ยวกับน้ำมันไขข้อแห้ง(กระดูกเข่า ) และเกี่ยวกับหลอดลมอักเสบ ทางลูกศิษย์ได้อาราธนาท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน ท่านรักษาตัวอยู่ประมาณ 1เดือนกว่า ในระหว่างการรักษาได้รับการดูแลเอาใจใส่จาก นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์มิตร และตลอดจนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลน่าน ต่อมาท่านรักษาตัวต่อที่วัดประมาณ 2เดือน พอถึงกลางเดือนธันวาคม 2523 ครูบาดอนตันมีอาการอ่อนเพลียลงมาก ฉันอาหารไม่ได้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2523 อาการของท่านทรุดหนักลงลงมาก ตลอดทั้งวันทั้งคืนบรรดาลูกศิษย์และประชาชนต่างเฝ้าฟังอาการของท่านอยู่พร้อมเพรียงกัน แต่ด้วยสังขารไม่เที่ยงแท้ เวลา 20.25 วันที่ 17 ธันวาคม 2523 ตรงกับวันพุธขึ้น 10 ค่ำ ครูบาท่านจากไปด้วยอาการสงบ ที่วัดดอนตัน รวมสิริอายุ 84 ปี 11 เดือน 12 วัน 65 พรรษา
ซึ้งในวันนั้นมีการฉายภาพยนต์กลางแปลงใกล้ๆวัด ทุกคนที่มาดูภาพยนต์ต่างทราบข่าวพากันนั่งนิ่งเงียบเหมือนถูกมนต์สะกดน้ำตาคลอ พอทุกคนได้สติต่างพากันลุกขึ้นทยอยหนีจากบริเวณฉายภาพยนต์ ไม่มีใครพูดคุยกันเลย บ้างก็ปิดหน้าร้องไห้ ใบหน้าทุกคนเหมือนได้รับความเจ้บปวดผิดหวังเสียใจ และประชาชนบางส่วนทั้ง คนเฒ่า หนุ่มสาว เด็กเล็ก ต่างใจจดใจจอเฝ้าดูและฟังอาการของครูบาท่าน เต็มลานวัด แต่ก็ครูบาท่านก็จากไปไม่มีวันกลับ
ประสบการณ์วัตถุมงคลของท่านนั้นจากอดีตถึงปัจจุบันมีมากมายหลายเกตุการณ์ที่สร้างชื่อให้กับวัตถุมงคลของท่านจนเป็นที่เล่าขานไม่รู้ลืมอย่างเช่นที่เคยลงในหนังสือพิมพ์ ที่รถของบริษัทแห่งหนึ่งที่มาสร้างทางที่จังหวัดน่านถูกคนร้ายใช้น้ำมันราดรถแล้วจุดไฟเผาแต่จุดไฟตรงที่ราดน้ำมันยังงั้ยก็ไม่ติด เพราะที่หน้ารถคันนั้นมีผ้ายันต์ธงชัยของครูบาดอนตันวางไว้ซึ้งเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก และหลายเหตุการณ์ที่ตำรวจทหารซึ้งมารบที่ห้วยโก๋นในสมัย ผกค.ที่น่านยังรบกันดุเดือดส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีวัตถุมงคลครูบาดอนตันติดตัวมักจะไม่ได้รับอันตรายเลย จนผกค.เคยประกาศกิติศัพท์ของครูบาท่านทางสถานีวิทยุของผกค.มาแล้ว
ต้องขอขอบคุณ
คุณศรีจันทร์ เชื้ออินต๊ะ อดีตครูใหญ่โรงเรียนบ้านดอนตัน
พระครูสมุห์เสน่ห์ ฐานสิริ รองเจ้าคณะอำเภอเมือง (เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง)
คุณยุทธ - ฉลวย แววหงษ์ ในนามคณะศัทธาบ้านดอนตัน
คุณมนัส ดุสิตากร ในนามคณะศรัทธาบ้านท่าวังผา
และลูกศิษย์ครูบาดอนตันทุกท่าน
ถึงแม้ครูบาท่านจากไปครบ 30 ปีแล้ว แต่ท่านยังจะอยู่ในใจคนน่านตลอดชั่วลูกชั่วหลานครับ
โอ้อาลัยใจจะขาดอนาถจิต เฝ้าแต่คิดถึงหลวงปู่มิรู้หาย
วันคืนผ่านพ้นไปไม่คลาย ยังอาลัยหลวงปู่มิรู้ลืม
|