ทางวัดนวลได้ทำพิมพ์ให้ผิดไปจากวัดอื่นโดยสิ้นเชิงทั้งนี้ได้อาศัยเค้าพิมพ์เดิม คือ เป็นหลวงปู่ทวดนั่งสมาธิบนทรงกรอบแบบเล็บมือหรือกลีบบัว แต่ได้เพิ่มจากอาสนะบัวสองชั้นมาเป็นอาสนะพญางูใหญ่ และในฝ่ามือที่ประสานสมาธิที่หน้าท้องของหลวงปู่ทวดคือ ลูกแก้วจากนาคพิภพ อันอยู่ที่วัดพะโค๊ะ แบ่งออกเป็นสองพิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ และ เล็ก แต่มีแม่พิมพ์หลายพิมพ์ด้วยกันจึงมักจะพบว่ามีลักษณะไม่เหมือนกันอยู่บ้างเพราะกดกันอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันกับพิธี เนื้อพระจะออกสีเทาอมดำและฟูเพราะส่วนประสานไม่ได้มาตราฐานนักเอาแต่เพียงพิธีให้ยึดติดกัน ซึ่งระหว่าง ว่าน เกสร และผงวิเศษต่างๆจะไม่รวมกัน ความแห้งของเนื้อพระเริ่มมีให้เห็นในปัจจุบัน การประกอบพิธีนั้นวันแรกเป็นวันเสาร์ห้า อันถือได้ว่าเป็นวันแรงวันขลังและพระอาจารย์ที่มาร่วมพิธีต่างนิมิตคล้ายกันคือ เห็นหลวงปู่ทวดมาเดินวนอยู่รอบกองวัตถุและเป่าลมลงไปในกองวัตถุมงคล ในพิธีบวงสรวงพราหรม์ ได้สังเวยฤกษ์และป่าวร้องชุมนุมเทวดา จากนั้นได้อัญเชิญดวงวิญญาณหลวงปู่ทวดมารับรู้และอำนวยพร พอประธานฝ่ายสงฆ์เจิมบายศรีก็มีฝนโปรยเป็นละอองลงมา พราหมณ์ได้ประกาศว่าถ้าหากดวงวิญญาญสมเด็จเจ้าพะโค๊ะเมตตาจะเสด็จลงประทับแล้วขอให้ลงในผู้ทรงศีลสังวรเป็นที่เลื่อมใสของผู้คนโดยไม่ต้องอัญเชิญ ครั้นใกล้จะได้เวลาดับเทียนชัย หลวงปู่ทวดก็เข้ามาประทับ หลวงพ่อหมุน ยสโร วัดเขาแดง และเรียกท่านเจ้าอาวาสไปหาแล้วปลุกเสกรูปหล่อที่สร้างเข้าพิธีมอบให้แล้วสั่งว่าให้รักษาไว้ให้ดี ถือเป็นของที่ท่านมอบให้เป็นกรณีพิเศษเมื่อติดขัดหรือต้องมีเรื่องการความช่วยเหลือ ให้จุดธูประลึกถึงท่านและได้ให้คาถากำกับพระเครื่องวัดนวนว่า ‘’นะโมโพธิสัตโต ราชมุนีสามีราโม อิกะวิติ อุปะสะ อำ’’ เข้าที่คับขันอันตรายจวนตัวให้ระลึกถึงหลวงปู่ทวดเอามือขาวปิดกลางกระหม่อมว่าคาถาดังนี้ “นะปิดตา’’ อนัตตาปิดใจนะหายไป อนัตตา อนัตตา…”ให้ว่าคำว่าอนัตตาเรื่อยไปจนพ้นอันตราย
|