แผ่นยันต์จารมือ ครูบาเจ้าอินสม สุมโน วัดทุ่งน้อย

ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

จารอักขระยันต์ด้วยคาถาดังต่อไปนี้

1.แถวบนสุด คือ คาถาหัวใจพระรัตนตรัย หรือแก้ว ๓ ประการ ที่ว่า “อิ สวา สุ” ซึ่งย่อมาจาก พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

-อิ มาจาก บทพระพุทธคุณ ๕๖ คือ อิติปิโส....

-สวา  มาจาก บทพระธรรมคุณ ๓๘  คือ สวาขาโต....

-สุ  มาจาก บทพระสังฆคุณ ๑๔  คือ สุปะฎิปัณโน....

รวมกันคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ ๑๐๘ เท่ากับบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘ 

2.ตรงกลาง คือ คาถาก๋าสะต๊อน (ก่าสะท้อน) ที่ว่า “โมก ขะ วา วัง วะ ขะ สะ วัง มิ” หรือ “โมก ขะ สะ คะ มิ วัง วา วัง วะ” บางตำราบอกว่าเป็นคาถาหัวใจพระโมคคัลลานะ

ยันต์ก่าสะท้อน คำว่า “ก่า” เป็นภาษาล้านนาแปลว่า “ป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้น” คุณวิเศษของยันต์ก่าสะท้อนนั้นสามารถป้องกันสิ่งไม่ดีทุกๆอย่างได้  เช่น สะท้อนออกไม่ หรือป้องกันไม่ให้โดนตัว(ภาคเหนือเรียกว่า กั้งก่า) ป้องกันสารพัดอันตรายต่างๆ อำนาจคุณไสย คุณผี คุณคน และสามารถสะท้อนกลับไปให้โดนผู้ที่กระทำกับเรา

3.แถวซ้ายมือ คือ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า “นะโม พุท ธา ยะ” หรือเรียกว่า “แม่ธาตุใหญ่” ซึ่งย่อมาจากนามของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ คือ...

องค์ ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่

องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค

องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า

องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค

องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์

ในกัปนี้ชื่อ ว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ”

-นะ คือ พระกกุสันโธ ใช้เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่าอาโปธาตุ มีกำลัง ๑๒

-โม คือ พระโกนาคมโน ใช้เขียนแทน ธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลัง ๒๑

-พุท คือ พระกัสสโป ใช้เขียนแทน ธาตุไฟซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลัง ๗

-ธา คือ พระโคตโม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลัง ๗

-ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลัง ๑๐

เมื่อรวมกำลังธาตุทั้ง ๕ ก็จะเป็นคุณพระพุทธเจ้า ๕๖

คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ แบบเต็มสูตร คือ “นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุททรงสินธุ์ ธาทรงสมุทร ยะทรงอากาศ”

4.แถวขวามือ คือ คาถาอิติปิโส ๘ ทิศ ที่ว่า “อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา” เรียกว่า “กระทู้ ๗ แบก” คุ้มทิศบูรพา เสกเป่าพิษสัตว์กัดต่อย

-กระทู้ ๗ แบก ครูบาอาจารย์จําแนกไว้บูชา ดังนี้...เสกข้าวกินทุกวัน อาจป้องกันเครื่องศาสตรา อนึ่งภาวนา แล้วหันหน้าสู่ช้างสาร อาจหักงวงคชา ด้วยพลาอันห้าวหาญ มีกําลังเหลือประมาณ ยิ่งช้างสารอันตกมัน ฤษีทั้ง ๗ องค์ ท่านดํารงอยู่ทิศนั้น เมื่ออภิวันท์ หันพักตร์นั้นทางทิศบูรพา

ซึ่งคาถาอิติปิโส 8 ทิศ (ตามทิศ) มีดังนี้...

๑. อิระชาคะตะระสา เรียกว่า กระทู้ ๗ แบก คุ้มทิศบูรพา เสกเป่าพิษสัตว์กัดต่อย

๒.ติหังจะโตโรถินัง เรียกว่า ฝนแสนห่า คุ้มทิศอาคเนย์ บทนี้ทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย

๓.ปิสัมระโลปุสัตพุธ เรียกว่า นารายณ์เกลื่อนสมุทร คุ้มทิศทักษิณ ภาวนากันภูตผีปีศาจ

๔.โสมานะกะริถาโธ เรียกว่า นารายณ์คลายจักร คุ้มทิศหรดี เสกสวด ๑๐๘ คาบทำน้ำมนต์ ไล่ผี หรือคนท้องกินคลอดลูกง่าย

๕.ภะสัมสัมวิสะเทภะ เรียกว่า นารายณ์ขว้างจักรไตรตรึงภพ คุ้มทิศประจิมเสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูตผีปีศาจ

๖.คะพุทปันทูธัมวะคะ เรียกว่า นารายณ์พลิกแผ่นดิน เสกน้ำมนต์ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงักนัก

๗.วาโธโนอะมะมะวา เรียกว่า ตวาดป่าหิมพานต์ คุ้มทิศอุดร เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผี ผีป่าเวลาเดินทาง

๘.อะวิชสุนุตสานุสติ เรียกว่า นารายณ์แปลงรูป คุ้มทิศอีสาน เสกเป่าตัวเอง เวลาออกจากบ้านแคล้วคลาด..

สิทธิการิยะ อุปเท่ห์พระอิติปิโส ๘ ทิศนี้ มีอาณุภาพมากหลาย ป้องกันได้สารพัดตามใจปรารถนา พระอาจารณ์เจ้ากล่าวไว้ว่า...ฝอยท่วมหลังช้างแล มีอุปเทห์มากมายเหลือจะพรรณนา จะกล่าวไว้ย่อๆดังนี้

แม้นจะยาตราไปทางสารทิศใด ให้ภาวนาพระคาถาประจำทิศ ตามทิศที่จะไปนั้น

หรือทำน้ำมนต์ลูบหน้า หรือประพรมพาหนะ ที่จะไปนั้นจะปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวงไม่มีมารบกวนเลย ป้องกันได้สารพัดแม้ว่าทิศที่จะไปนั้นจะต้องผีหลวง หรือ หลาวเหล็ก ก็ดี (ทิศที่ร้ายตามตำราโหราศาสตร์) คุ้มกันได้สิ้น ไปสงครามก็จะมีชัยชนะ

ไปทำมาค้าขายก็จะกำไร เจริญรุ่งเรือง บังเกิดลาถผลพูนทวี จะลงเป็นประเจียดป้องกันศาสตราอาวุธก็ได้ ทั้งเป็นเสน่ห์แก่ฝูงชนทั่วไป เขียนบูชาไว้กับบ้านเรือน ป้องกันภัยอันตรายได้ทุกอย่าง ถ้าจะไปนอนกลางป่าให้เสกก้อนดินไปวางไว้ตามทิศ เมื่อจะวางทิศไหนให้เสกด้วยคาถาประจำทิศนั้นอีก ทิศล่ะ ๘ จบ กันสารพัด สัตว์ร้าย เปรียบประดุจมีกำแพงแก้วไว้คุ้มกันตนไว้ถึง ๗ ชั้น ถึงแม้จะถูกข้าศึกโจรผู้ร้ายล้อมไว้ก็ดี จะหักออกทางทิศไหน ให้ภาวนา คาถาประจำทิศนั้นเถิด แล้วค่อยหักออกมา...