พระเกศาครูบาเจ้าศรีวิชัย พิมพ์พระสังกัจจายน์ปิดทองล่องชาด
วิธีการสร้างพระเกศา มวลสารที่ใช้สร้างประกอบด้วย ดอกไม้อุโบสถส่วนหนึ่ง ธรรมใบลานเก่าและพับหนังสา ส่วนหนึ่ง ใบสรี หรือใบโพ ที่เก็บได้จากต้นโพ จำนวน 108 ต้น ส่วนหนึ่ง นำมวลสารเหล่านี้มาสับให้เป็นชิ้น ๆ ตากให้แห้ง แล้วคั่วในกระทะใบใหญ่จนกรอบมีสีดำ จากนั้นนำมาตำให้ละเอียด ร่อนเอาเฉพาะผงถ่านนำมาผสมกับยางรักที่กรองแล้วคลุกเคล้าจนเหนียวพอปั้นเป็นองค์ได้ แม่พิมพ์ปั้นจากดินเหนียวเผาไฟจนแกร่ง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็จะขัดราชวัตรแวดล้อมพร้อมตั้งเครื่องบวงสรวงพลีกรรมตามธรรมเนียมอย่างล้านนา เทเส้นเกสาครูบาเจ้าลงบนผ้าขาว แล้วปั้นสมุกคลุกรักให้พอองค์ นำมาแตะกับเส้นเกศาแล้วกดเป็นรูปพระตามแบบพิมพ์ ส่วนมากไม่ซ้ำพิมพ์กัน
ดังที่ได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระเกศาครูบาเจ้าฯ มีจุดประสงค์หลักการสร้างเพื่อเก็บรักษาเส้นเกศา เส้นเกศาจึงเป็นมวลสารสำคัญสำหรับพระเครื่อง(องค์นี้เกศาลอยมีด้านหลังองค์พระ)เส้นเกศาครูบาเจ้าฯที่บรรจุในองค์พระนั้น มักเป็นสีน้ำตาลใสคล้ายกับสีน้ำผึ้ง บางคนเปรียบเส้นเกศาครูบาเจ้าฯ เป็นสำนวนปัจจุบันว่า มีลักษณะคล้ายกับเส้นผมขาดการบำรุง ด้วยว่าครูบาเจ้าฯฉันมังสวิรัติ บ้างก็ว่าสีของเส้นเกศาที่กลายเป็นสีน้ำผึ้งนั้นอาจถูกมวลสารหรือรักกัดสีจนกลายเป็นสีใสในที่สุด มาตรฐานสีของเส้นเกศาดังกล่าวนี้ถือเป็นบรรทัดฐานส่วนหนึ่ง กล่าวคือพอส่องกล้องดูก็จะทราบโดยทันทีว่าใช่เลย ข้อสรุปนี้คงได้จากการสังเกตเห็นที่เหมือน ๆ กันครับ
วิธีการบรรจุเส้นเกศาในองค์พระมีหลายวิธี เช่น การผสมกับมวลสารแล้วค่อยกดในแม่พิมพ์ การใส่เส้นเกศาในแม่พิมพ์ วิธีนี้จะพบเส้นเกศาด้านหน้าองค์พระ การใส่เส้นเกศาด้านหลังองค์พระ หรือห่อกระดาษฝังในองค์พระ วิธีแรกดูจะเป็นธรรมชาติที่สุด จะเห็นเส้นเกศาโผล่พ้นผิวเล็กน้อย ส่วนวิธีการต่อมาเหมือนการจงใจโชว์เส้นเกศาและเส้นเกศามักจะหลุดออก จะเห็นเพียงรอยเส้นทาบกับผิวองค์พระเท่านั้น องค์พระที่เห็นเส้นเกศาชัดเจนดังกล่าวนี้นิยมเรียกกันว่า เกศาลอย ที่ไม่ปรากฏเส้นเกศา เรียกว่า เกศาจม คนมักจะประมาณเอาว่า มี แต่ อยู่ข้างใน คนนิยมแบบเกศาลอยมากกว่าด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ พระเกศาก็ต้องเห็นเส้นเกศา นั่นเอง
โดย วิลักษณ์ ศรีป่าซาง
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ ฉบับเดือนเมษายน 2545
|