หากพูดถึงผ้ายันต์หรือเสื้อยันต์ครูบาก๋งที่เขียนด้วยมือแล้วค่อนข้างจะพบเห็นน้อยกว่าครูบาดอนตันมาก เนื่องจากว่าส่วนใหญ่จะไปขอครูบาดอนตันเสียมากกกว่าแล้วครูบาก๋งท่านจะเขียนด้วยตัวท่านเองเวลาทำออกมาแล้วต้องใช้เวลามากเพราะผ้ายันต์สายวัดบ้านก๋งต้องยอมรับว่าทุกผืนที่ทำออกมาจะสวยงามมากๆเพราะว่าจะใช้ระบบการวางสเกลเข้ามาช่วย หากเปรียบเทียบดูเล่นๆในสายท่าวังผานั้น หากพูดถึงผ้ายันต์ที่ทำออกมาแล้วดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแถมลายมือสวยๆ อันดับแรกต้องยกให้ครูบาก๋ง อันดับสองยกให้ครูบายาวิราช ครูบาเสาร์ วัดนาทราย อันดับสามจะเป็นทางสายครูบาดอนตัน แต่ถ้าพูดถึงรูปวาดต่างๆประกอบบนผ้ายันต์ต้องยกให้ ครูบายาวิราช ครูบาเสาร์ วัดนาทราย อันดับต่อมาคือพระอาจารย์จักร วัดป่าเมี่ยง แล้วมาทางสายวัดบ้านก๋ง สุดท้ายคือมาทางครูบาวงศ์ วัดหนองม่วง อันนี้เท่าที่ดูมาแล้วนำมาเปรียบเทียบให้ดูกันเฉยๆนะครับ
ทำไมผ้ายันต์ครูบาก๋งถึงทำออกมาได้สวย และเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าวัดอื่นๆ เพราะในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้วิธีการกะระยะ ไม่เหมือนทางวัดบ้านก่งที่นำระบบสเกลเข้ามาใช้จะแม่นย้ำกว่า หากท่านสังเกตดูท่านจะรู้ว่า เวลาครูบาก๋งจะเขียนผ้ายันต์หรือเสื้อยันต์เรามักจะเห็นรอยดินสอหรือตารางบนผ้าทั้งผืน เพราะครูบาก๋งท่านจะให้ลูกศิษย์วางสเกลบนผ้ายันต์ก่อน นั้นก็คือการใช้ดินสอขีดตารางทั้งผืนบนผ้า เหมือนกับเราที่เรียนวิชาศิลปะเวลาจะวาดรูปจะต้องตีตารางหมากรุก100ช่องแบบนั้นเลย หรือถ้าบางครั้งผ้าที่เป็นผืนเล็กๆท่านจะใช้วิธีการใช้ดินสอขีดตารางยันต์ก่อนถึงจะลงด้วยหมึกจริงๆ เมื่อท่านตีตารางทั้งหมดแล้วจากนั้นท่านจะวางตำแหน่งยันต์แต่ละอย่างให้ดูเหมาะสม แล้วร่างด้วยดินสอจากนั้นท่านถึงจะลงด้วยหมึกจริงๆ จึงทำให้ผ้ายันต์สายวัดบ้านก๋งหลังจากครูบาก๋ง ต่อมาก็คือพระอาจารย์มนตรี และพระครูนิกรที่เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันนี้ ได้ใช้แบบอย่างที่ครูบาก๋งเคยทำไว้สืบต่อๆกันมา จึงทำให้เวลาวัดบ้านก๋งจัดทำผ้ายันต์ผืนใหญ่ๆออกมาแล้วดูสวยๆงาม
วิธีการดูผ้ายันต์หรือเสื้อยันต์ครูบาก๋งนั้น ให้ดูลายมือท่านจบเลยเพราะท่านเขียนเองหรือบางครั้งก็มีที่พระอาจารย์ดวงเขียนให้ท่านเสกอันนี้ต้องลงลึกไปอีกหน่อย จะแตกต่างจากครูบาดอนตันที่ต้องดูที่ยันต์และผืนที่เหมือนๆกันจะดูลายมือครูบาดอนตันไม่ได้ หากดูลายมือครูบาก๋งไม่เป็น ยังมีวิธีอื่นๆอีกแต่ทางร้านไม่ขอบอกกล่าวครับ
ผ้ายันต์ครูบาก๋งผืนนี้สภาพสมบูรณ์ เป็นผ้ายันต์ที่ทางร้านได้มาผืนใหญ่ผืนแรก ขนาดไม่มากไม่มาย 33 x 33 นิ้วครับ ผืนนี้มีความพิเศษอีกอย่างคือได้นำผ้ายันต์ผืนนี้ไปเช็ดหน้าพระมหามัยมุนี ที่มัณฑะเลย์ ประเทศพม่าด้วยครับ
วัตถุมงคลหรือเรื่องเล่าจากครูบาก๋งนั้นหลายคนอาจจะได้ยินได้ฟังมาบ้าง หรือบางคนไม่เคยได้ยินกิติศัพท์ของครูบาก๋งเลยว่าท่านมีประสบการณ์ด้านใดบ้าง วันนี้ทางร้านขอเล่าเรื่องเล็กๆเกี่ยวกับครูบาก๋งให้ท่านฟัง เรื่องแรกนั้นเกิดจากในสมัยก่อนที่น่านมีการสู้รบกันดุเดือด ตำรวจทหารที่มาก็จะมาขอของดีติดตัวจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่โด่งดังในยุคนั้นก็คือครูบาดอนตันที่ดังในเรื่องคงกะพัน หมู่ตำรวจทหารมักไปขอของดีท่านเสมอ และอีกครูบาหนึ่งก็คือครูบาก๋ง วัดบ้านก๋งซึ่งหลายๆคนไปเข้าใจครูบาก๋งเก่งเรื่องเมตตาเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หมู่ทหารมาที่วัดบ้านก๋งเพื่อมาหาครูบาก๋ง หนึ่งในนั้นถามครูบาก๋งว่า ครูบาเก่งเรื่องเมตตาแล้วเรื่องข่ามคงครูบาเก่งก่อ เมื่อครูบก๋งได้ยินทหารถามท่านแบบนั้น ครูบาก๋งท่านไม่ตอบ แต่เสกใบพลู วางไว้ให้ทหารเอาปืนพกที่ติดตัวมาทดลองยิงดู ปรากฏว่ายิงไม่ออกสักนัด ทุกคนต่างตกใจไม่คิดว่าครูบาท่านจะเก่งเรื่องเมตตาเท่านั้นเรื่องข่ามคงก็ถือว่าใช้ได้ เพราะสมัยก่อนหลายคนไปเข้าใจว่า "อยากได้เมตตาไปหาครูบาก๋ง อยากข่ามคงไปหาครูบาดอนตัน"
เรื่องที่สองครูบาก๋งท่านจะมีชื่อด้านเมตตา อยู่ครั้งหนึ่งเจ้าอาวาสวัดป่าไคร้ได้ไปหาครูบาก๋งพร้อมลูกศิษย์ที่ขับมอเตอร์ไซค์ไปให้ เมื่อไปถึงวัดบ้านเจ้าอาวาสก็ติดต่อธุระกับครูบาก๋งเสร็จ คนที่ขับรถมาส่งอยากจะรู้ว่าครูบาก๋งเก่งจริงมั้ย เลยถามครูบาก๋งว่า วันนี้หวยจะออกครูบาให้โชคให้ลาภลูกหลานหน่อยนุ ครูบาก่งท่านหัวเราะ ท่านหยิบกระดาษมาเขียนตัวเลขแล้วพับไว้แล้วส่งให้ คนที่ขอเลขครูบาก๋งพอมาถึงวัดก็เปิดดูตัวเลข ในนั้นท่านให้เลข2ตัว 26 ไปซื้อหวยงวดนั้นก็ออกจริงๆ26 คนที่ขอเลขครูบาก๋งตอนนั้น ปัจจุบันเปิดร้านขายข้าวอยู่ติดตลาดสดท่าวังผา ร้านกุ๊กจบ ไปอุดหนุนได้
เรื่องที่สามครูบาก๋งแก้คุณไสย สมัยก่อนนั้นเรื่องทำคุณไสย ภาษาล้านเรียกว่าตู้กัน การทำคุณไสยใส่กันในยุคนั้นยังมีเพราะคนมีวิชาอาคมเยอะ มีชาวบ้านมีเรื่องทะเลาะกัน หนึ่งในนั้นได้ทำคุณไสยใส่คนในบ้านอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ไปทำถูกเด็กในบ้าน ทำให้เด็กร้องไห้ไม่หยุดอยู่หลายวัน จึงได้ไปหาครูบาก๋ง เมื่อไปถึงที่วัดบ้านก๋ง ครูบาก๋งท่านคงจะรู้ว่าเด็กคงถูกคุณไสยมา พอเด็กเห็นครูบาก๋งหยุดร้องทันที ครูบาก๋งท่านก็หยอกล้อกับเด็กโดยตีฉิ่งให้เด็กเล่น แล้วมาบอกพ่อของเด็กว่า เดี๋ยวให้กลับไปบ้าน ไอ้คนที่ทำคุณไสยเดี่ยวมันจะร้อนตัว อยู่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะมาหาที่บ้านเอง มันจะมาแก้คุณไสยให้เอง เมื่อพ่อของเด็กพาเด็กกลับบ้าน ยังไม่ทันขึ้นบ้าน มีผู้ชายที่ทำคุณไสยใส่ครอบครัวนี้ มาที่บ้านตามที่ครูบาก๋งบอกจริงๆ ผู้ที่ทำคุณไสยมาอาเจียนหน้าบ้านเหมือนกับว่าโดนคุณไสยกลับเข้าหาตัว
เรื่องที่สี่ครูบาก๋งปราบผีตะเคียน ในพื้นที่ต.ยมในสมัยก่อนมีไม้ตะเคียน ไม้ใหญ่ๆเยอะ มีช่วงหนึ่งที่มีต้นตะเคียนคู่ได้ถูดลมพายุหักโค่น ชาวบ้านจึงจะตัดเพื่อไม่ให้ขว้างลำน้ำ จึงได้ให้ชาวบ้านมาช่วยกันตัดแต่พอตกกลางคืนหลายๆคนอยู่ไม่ได้ ฝันถึงนางตะเคียนบ้าง บางคนถึงเป็นไข้บ้าง เมื่อชาวบ้านโดนแบบนั้นจึงไม่มีใครกล้าไปตัดต้นตะเคียนให้เสร็จ ต้องเดือดร้อนถึงครูบาก๋งให้มาช่วย ครูบาก๋งท่านจึงเสกคาถาลงตะปู3ดอก ให้ไปตีที่ต้นตะเคียน หลังจากนั้น3วันค่อยไปตัดต้นตะเคียนได้ เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็นำตะปูตีติดต้นตะเคียน หลังจากสามวันก็ได้ไปต้นต้นตะเคียน ปรากฏว่าไม่มีภูตผีมารบกวนเลย
เรื่องที่ห้าครูบาก๋งย้ายป่าช้า ในสัยก่อนการที่จะย้ายวัด ย้ายป่าช้า ตัดต้นโพธิ์เรื่องใหญ่โตมากเพราะว่าหากทำไม่ถูดต้องตามตำราหรือมีวิชาเก่งกล้า ผู้ที่ทำพิธีหรือผู้ที่เป็นผู้นำจะถึงขั้นเสียชีวิต พูดง่ายๆถ้าผู้ที่มาทำพิธีไม่เก่งจริง เดือดร้อนทั้งหมด ที่บ้านท่าวังผาต้องมีความจำเป็นต้องย้ายป่าช้าเนื่องจากบ้านเมืองเริ่มพัฒนา พื้นที่บางส่วนจะถูกใช้ทำกิจการร้านค้า จึงต้องย้ายป่าช้าไปที่ใหม่ ชาวบ้านตกลงกันไปหาครูบาดอนตันเพื่อจะทำพิธีให้ เมื่อไปถึงวัดดอนตัน ครูบาดอนตันชี้ไปทางวัดบ้านก๋ง ท่านบอกว่า ให้ไปหาครูบาก๋ง เพราะครูบาก๋งท่านเก่งเรื่องนี้ ชาวบ้านเลยต้องไปขอครูบาก๋งช่วยย้ายป่าช้าให้ เมื่อท่านมาทำพิธีย้ายป่าช้าอยู่นั้น ขณะทำพิธีเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะบริเวณที่ทำพิธีอยู่นั้นเกิดเมฆฝนลมแรงเฉพาะบริเวณพิธีเท่านั้น เมื่อครูบาก๋งทำพิธีต่อไปเรื่อยๆปรากฏกว่าท้องฟ้าเริ่มสว่างเมฆดำหายไปไม่มีลมพายุอีกเลย เมื่อย้ายป่าช้ามาที่ใหม่ก็ไม่เกิดอาเพศภัยแก่ชาวบ้านหรือผู้ที่เป็นผู้นำชุมชนเลยสักนิด
ทางสายวัดบ้านก๋งนั้นจะเห็นว่าจะเก่งเรื่องพิธีการท่องสวดที่ปัจจุบันพระนิกร ธัมรังสี วัดอาวาสองค์ปัจจุบันท่านสืบสายจากครูบาก๋ง ท่านจะเก่งในการท่องสวดและพิธีกรรมต่างๆดังจะเห็นว่า ในงานพิธีบวชพระประธาน งานสูตรถอนอาถรรพ์ พิธีกรมมต่างทางล้านนา มักจะมีท่านพระครูนิกรท่านเป็นแม่งานเสมอ ถึงท่านจะอายุไม่มากแต่ ทางร้านเคยเห็นท่านทำพิธีกรรมสูตรถอนอาถรรพ์ที่ทำถูกต้องตามตำราแล้วเกิดปราฎิหาร์ หากท่านเดินทางมาที่อ.ท่าวังผา ตรงสี่แยกไฟแดงหน้ารร.มัธยมท่าวังผา ถนนเส้นนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเส้นทางที่ถนนเป็นเส้นตรงแต่แปลกตรงที่ว่ามักเกิดอุบัติเหตุทำให้นร.หรือประชาชนเสียชีวิต โดยเฉพาะนร.จะเสียชีวิตแทบทุกปี เพราะทางร้านก็เรียนรร.นี้จึงรับรู้เรื่องราวนี้บ่อยๆ เมื่อประมาณ2ปีที่แล้ว เกิดอุบัตเหตุตรงสี่แยกนี้ จะเพราะอาถรรพ์หรือเกิดจากถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรงคนที่ขับรถอาจใช้ความเร็วจึงเกิดอุบัติหรือเหตุต่างๆ ได้มีนร.เสียชีวิตติดต่อกัน2คน ทางรร.เห็นว่าเพื่อให้เกิิดขวัญและกำลังใจจึงนิมนต์พระครูนิกร วัดศรีมงคลมาทำพิธีสูตรถอนอาถรรพ์โดยทำเป็นพิธีใหญ่ ปรกติคนมีคนตายก็จะเชิญพระประมาณแค่1รูปทำพิธีเรียกดวงวิญญาณ ครั้งนี้ทางรร.ได้ทำพิธีค่อนข้างใหญ่ เมื่อพระครูได้ทำพิธี ช่วงตอนนั้นน้องผู้ที่เสียชีวิตคนล่าสุดยังไม่ได้ไปฌาปนกิจศพ เมื่อพระครูท่านทำพิธีตั้งแต่เช้าจนเที่ยงเสร็จ ดวงวิญญาณของน้องได้เข้าร่างมารดา โดยบอกว่าหิวข้าว อยากกินแอ้ปเบิ้ลเพราะน้องชอบกันแอปเปิ้ล วิญญาณบอกให้ไปเอาลูกแอปเปิ้ลในตู้เย็น ที่น้องได้ซื้อไว้ก่อนตาย โดยอยู่ช่องล่างสุดของตู้เย็น เมื่อทางญาติๆได้ไปเปิดตู้เย็นไปหยิบแอปเปิ้ลตามที่ดวงวิญญาณบอก ก็ปรากฏว่าเจอลูกแอปเปิ้ลจริงๆ ซึ่งทางญาติไม่มีใครรู้ว่าแอปเปิ้ลที่น้องซื้อไว้ก่อนตายอยู่ตรงนั้น ช่วงเวลาที่น้องเสียชีวิตไปไหนไม่ได้ เมื่อพระครูท่านทำพิธีให้ ดวงวิญญาณสามารถหลุดพ้นจากตรงที่เสียชีวิตได้ และปัจจุบันบริเวณแถวๆนั้นยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่มีบ้างที่เหตุอุบัติแต่ไม่เสียชีวิต แบบตัวตายตัวแทน แสดงว่าท่านพระครูนิกรท่านอายุไม่มากแต่ทำตามขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ จนได้เห็นที่ผมเล่าไป
ครูบาก๋งนั้นโดยส่วนตัวผมแล้วผมชอบท่านหลายๆอย่างตั้งแต่การเขียนเลขยันต์ที่สวยงาม ถูกอักขระ เวลาครูบาก๋งท่านท่องสวดมนต์ต่างๆตามงานพิธีต่างๆ ท่านท่องเสียงดังฟังชัดฉะฉาน ไม่ตกหล่น ฟังแล้วเข้มขลังถือว่าเก่งมากๆในเรื่องนี้ ที่สำคัญคือท่านนับถือครูบาดอนตันมาก ท่านจึงอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่คิดที่จะไปสร้างวัตถุมงคลแข่งครูบาดอนตันเลยดังจะเห็นได้จาก ช่วงปี2518จนครูบาดอนตันมรณะภาพปี2523 เป็นช่วงที่ครูบาดอนตันท่านโด่งดังมาก มีการสร้างวัตถุมงคลมากมายหลายรุ่นของครูบาดอนตัน แต่ครูบาก๋งท่านไม่ยอมสร้างวัตถุมงคลแข่งครูบาดอนตันเลย หลังจากที่ครูบาก๋งสร้างเหรียญระฆังหรือธนูไฟที่เรียกกันพร้อมผ้ายันต์ปี2518 ก็ไม่ได้สร้างอะไรอีกเลย จนครูบาดอนตันมรณะภาพ ซึ่งท่านให้ความเคารพครูบาดอนตันเป็นอย่างมาก จนท่านมาสร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกครั้งเมื่อปี2526 เกือบ8ปี ที่ท่านไม่ยอมสร้างอะไรเลย ซึ่งรับยอมว่าครูบาก๋งท่านมีจิตเมตตาไม่คิดไปแข่งครูบาดอนตันเลย
|