ปรอทกรอเนื้อสำริด ตัวจริง
อายุหลายร้อยปี สำริดเก่าจัดมันส์จริง ปรอทข้างในวิ่งดี เขย่าดังกังวาน
ปรอทกรอล้านนา หรือ ทางเหนือเรียกกว่า "หน่วยบะป่อย"นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องรางล้านนาที่ถือได้ว่าเป็นยอดเครื่องรางทรงค่าหายาก หนึ่งวัดจะมีอยู่ลูกเดียวคือฝังไว้ที่ใต้ฐานพระอุโบสถขนาดมีหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ ลูกเล็กมักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวผู้ “ ลูกใหญ่มักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวเมีย”
วัตถุประสงค์ของการสร้างปรอทกรอของล้านนาในสมัยโบราณนั้นก็คือการสร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลทั้งปวง รวมถึงโจรผู้ร้ายที่คิดจะมาโขมยของในวัดเมื่อมีโขมยหรือสิ่งผิดปกติเข้ามาปรอทกรอก็จะส่งเสียงดังหรือ ที่เรียกกันว่า “ปรอทกรอวิ่ง”
ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษกายสิทธิ์จำพวกเหล็กไหล หรือปรอทเรียก หรือ ปรอทสำเร็จ ที่พระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้เอาเป็นส่วนผสมของลูกกลมเล็กๆด้านในปรอทกรอ โดยนำเอามาหุงและหล่อเป็นลูกปรอทกายสิทธิ์ ฉนั้นเวลาเขย่าปรอทกรอจะมีเสียงคล้ายมีกริ่งอยู่ข้างในปรอทกรอนั่นก็คือลูกกลมเล็กๆที่ว่านี่เอง
สำหรับที่ค้นพบปรอทกรอนั้นส่วนมากจะพบในดินที่เป็นเคยเป็นบริเวณวัดเก่า หรือ ที่คนทางเหนือล้านนาเรียกว่า วัดร้าง หรือ วัดห่าง นั่นเอง
บ้างจะพบโดยบังเอิญจากการขุดพบหรือจากการขุดที่ถมที่ ในสถานที่เคยเป็นวัดร้างมาก่อน บางท่านก็ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ย่าตายาย
เคยมีคนผ่าดูข้างในปรากฏว่ามีความซับซ้อนมากคล้ายหวีที่ใช้หวีผม สับเข้าหากันเวลาเขย่า และมีลูกกลมๆเป็นของวิเศษอยู่ภายใน ประเภทเหล็กไหลเป็นลูกกลมที่มีหลายเลี่ยม เรื่องความหายาก วัดในสมัยก่อนจะมีฝังไว้ที่ใต้อุโบสถทุกวัดแต่หนึ่งวัด จะมีฝังไว้เพียงลูกเดียวเท่านั้น
วิธีการใช้ : ใช้ห้อยคอหรือ พกพาติดตัว(ไม่ควรต่ำกว่าระดับเอว) ใส่พานบูชา หรือ บรรจุบนหัวเสาเรือน
อาณุภาพ : คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าปรอทกรอจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ และป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง เตือนเมื่อมีภัย บูชาไว้เป็นสิริมงคลให้ลาภ และคุ้มกันบ้านเรือนและผู้อาศัย
>>>และข้อมูลที่ได้รับฟังจาก อาจารย์เล็ก หรือ คุณฉันทิพย์ ราชเดช ลูกชายแท้ๆของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช
ท่านได้กล่าวกับผม(เชน เชียงใหม่)ว่า "คุณพ่อของท่าน"สมัยที่มีชีวิตอยู่ เคยพกพาใช้ "ปรอทกรอล้านนา" และ คุณพ่อท่านยังได้สั่งไว้ว่า ถ้าขึ้นเหนือให้ไปหาปรอทกรอล้านนาไว้ใช้ (ลูกเล็กที่ท่านอาจารย์เล็กใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นลูกที่ผมแบ่งให้ท่านไปเมื่อปี 2549 พร้อมกับ ปั้นเหน่งโบราณ1ชิ้นครับผม
ข้อมูล >>>จากคอลัมม์ เปิดตำนานเครื่องรางล้านนา โดย เชน เชียงใหม่ ใน "นิตยสารอมตะล้านนา" เล่มที่ 4 ประจำเดือน มิย - ก ค 53