@@@...มาอีกแล้วพระแท้พระดี อนาคตไกลครับ...@@@
$$$..เต อาราธนาณัง หลวงพ่อทบอุปปะการัง อิติปิโส..$$$
ตะกรุดหลวงพ่อทบไส้ทองแดงล้วนม้วนหนาๆแน่นๆ
ดอกนี้มาแบบสวย ๆ สภาพสมบูรณ์มาก..ถักด้วยเชือกปอผสม 2 ชั้น แบบไว้หัว-ท้าย
โดยชั้นที่ 1 ถักแบบลายธรรมดา
และชั้นที่ 2 ถักแบบขึ้นเกลียว(แบบ 4 บั้ง)
ขนาดความยาว 3.5 นิ้ว โต 0.5 นิ้ว(4หุน) โดยประมาณค่ะ
***โดยจะสังเกตุได้ว่าแผ่นทองแดงที่นำมาม้วนทำเป็นตะกรุดจะมีความหนาและความมัน หรือที่คนสมัยเก่าเรียกว่า"ทองแดงเถื่อน" *** ถือเป็นดอกที่ค่อนข้างม้วนได้หนาและใหญ่ สภาพแบบอยู่บนหิ้งแล้วนำมาปัดฝุ่น ผ่านการใช้งานมาน้อยมากๆค่ะ
***ตะกรุดสำนักนี้ สำหรับท่านที่ยังไม่มีตะกรุดไว้ใช้พกติดตัว(คาดเอว)แนะนำดอกนี้ใช้ได้เลยแบบว่าดอกเดียวเที่ยวทั่วไทยใช้ได้ตลอดชีพค่ะ***
*****ประวัติหลวงพ่อทบ วัดพระพุทธบาทชนแดน*****
หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ(พระครูวิชิตพัชราจารย์) วัดพระพุทธบาทชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2424 ณ. บ้านหัวลม ตำบลนายม จ.เพชรบูรณ์ โยมบิดาชื่อเผือก โยมมารดาชื่ออินทร์ ท่านบวชเณรตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 ที่วัดช้างเผือก และอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2445 ท่านมรณภาพในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2519 ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อทบยังเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วภายในมณฑปตามเจตนาของท่าน และมีประชาชนมามนัสการเป็นประจำมิได้ขาด
*****การสร้างตะกรุดหลวงพ่อทบ*****
ตะกรุดหลวงพ่อทบเป็นตะกรุดที่สร้างตามแบบตำราโบราณจึงไม่แปลกที่ตะกรุดของหลวงพ่อทบมีประสบการณ์บ่อยๆ การลงอักขระในแผ่นโลหะต้องอาศัยความชำนาญ น้ำหนักการลงเหล็กจาร สมาธิ ต้องไม่ธรรมดา
ตะกรุดหลวงพ่อทบ...ขลังตั้งแต่การจาร...ลุงสมพงษ์(หรืออาจารย์สมพงษ์)หนึ่งในผู้ที่จารตะกรุดให้หลวงพ่อทบเล่าว่า ตะกรุดหลวงพ่อทบเมื่อจารเสร็จ...จะลองยิงก่อน...เมื่อยิงไม่ออกแล้ว...จึงเอาไปให้หลวงพ่อทบปลุกเสกสัมทับอีกที...หลวงพ่อทบท่านบอกว่าคนจารตะกรุดต้องมีสมาธิแน่วแน่...จิตสงบ...ขณะจารต้องว่าพระคาถากำกับ ท่องไปท่องกลับ จนกว่าขั้นต้อนการจารจะเสร็จสิ้น...หลวงพ่อทบท่านจะใช้พระคาถาบทนี้..."นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ"...ว่าไปว่ากลับ...เพื่อเป็นการกำกับและควบคุมสมาธิของผู้จาร.
และอีกบทหนึ่งที่สายวิชาตะกรุดของท่านใช้..."พุทโธ พุทธัง ธะนะกันตัง อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ"...คาถาบทนี้เป็นพระคาถามหาอุตม์อยู่ยงคงกระพัน...คนที่จะท่องพระคาถาไปและกลับได้ต้องมีสมาธิแข็ง..นิ่ง..เพ่งสมาธิไปที่ตัวอักขระที่จารทุกตัว
คนที่จารตะกรุดให้หลวงพ่อทบมีอยู่เพียงไม่กีท่านเท่านั้นคือ อาจารย์เพ็ง...อาจารย์สมพงษ์...และพระจากวัดกุฎิพระอีก 1 องค์...ทั้ง 3 ท่านเป็นคนที่หลวงพ่อทบไว้ใจให้จารตะกรุดของท่าน...ตะกรุดหลวงพ่อทบที่ท่านสร้างมาพุทธคุณล้วนๆครับ...แล้วแบบนี้ท่านยังไม่อยากเก็บตะกรุดของหลวงพ่อทบไว้สักการะบูชาติดตัวสักดอกหรือครับ.
*****ปฐมปาฏิหาริย์ หลวงพ่อทบ*****
จังหวัดเพชรบูรณ์สมัย 40-50ปี ก่อนนั้นมีแต่ป่าสมัยนั้นใครมาเพชรบูรณ์ต้องเตรียมผ้าขาวมาห่อกระดูกกลับด้วย เพราะไข้ป่าชุกชมจึงเป็นเมืองไกลปืนเทียง แต่กระนั้นก็ตามยังมีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งในสมัยนั้นได้สร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ประจักษ์และสร้างชื่อเสียงให้เมืองเพชรบูรณ์...พระภิษุหนุ่มรูปนั้นมีชื่อว่า "ทบ" ปี พ.ศ.2465 ตอนนั้นพระหนุ่มที่ชื่อ"ทบ"นั้นได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดสุทัศน์ ครั้งนั้นภิกษุหนุ่มจากเพชรบูรณ์ได้เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ โดยในงานพุทธาภิเษกครั้งนั้นไม่มีช่างภาพคนไหนถ่ายรูปพระทบติดเลยแม้แต่คนเดียว และที่โด่งดังสุดๆก็ในปี พ.ศ.2469 พระทบได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งหนึ่งที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่วัดสุทัศน์ก็เกิดขึ้นอีก คือไม่ใครถ่ายรูปท่านติดเลย ตั้งแต่นั้นมาชื่อของพระทบจึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ไม่ว่างานปลุกเษกที่สำคัญๆที่ไหน พระทบจะได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีเสมอ นี้คือปฐมปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทบและเป็นที่กล่าวขารกันมาจนทุกวันนี้.
*****ประสบการณ์ตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน*****
ประสบการณ์เรื่องอภินิหารตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบนั้นจะยกมาเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง คือในราวปีพ.ศ.2517 ตอนนั้นในอำเภอวิเชียรบุรี มีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับที่ดินมาก ผู้ใหญ่ประเสริฐได้ถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งจะฮุบเอาที่ดินของผู้ใหญ่ประเสริฐแต่ไม่สำเร็จ ผู้มีอิทธิพลคนนั้นจึงสั่งลูกน้องให้ฆ่าล้างครัว ผู้ใหญ่ประเสริฐจึงพาครอบครัวไปกราบมนัสการหลวงพ่อทบ พร้อมทั้งเล่าเรื่องต่างๆ ให้หลวงพ่อทบฟัง หลวงพ่อทบ ท่านจึงได้ทำน้ำมนต์อาบให้ทุกๆ คนจากนั้นท่านก็มอบตะกรุดโทนให้กับผู้ใหญ่และลูกชาย ส่วนภรรยาและลูกสาวท่านได้มอบเหรียญรูปท่านกับสีผึ้งให้ ก่อนกลับผู้ใหญ่ได้ถวายเงินจำนวน 500 บาทให้หลวงพ่อทบแต่ท่านไม่รับ ท่านบอกผู้ใหญ่ว่า "เก็บเอาไว้เถอะยังมีความจำเป็นต้องใช้อีกมาก วันๆ ข้าไม่ใช้เงินอยู่แล้ว" จากนั้นท่านก็ให้พรผู้ใหญ่และกำชับว่ากลางค่ำกลางคืนไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ แล้วอย่าออกไปไหนเป็นอันขาดมิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อกลับจากวัดแล้วทุกคนต่างก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ผู้ใหญ่ได้บอกกับลูกเมียให้ทำที่กำบังให้มั่นคง กลางคืนหากมีใครมาเรียกอย่าขานรับโดยเด็ดขาด ผู้ใหญ่กับลูกชายมีอาวุธครบมือเพื่อรับกับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น เวลาที่ผ่านมานานนับเดือนก็ไม่มีเหตุร้ายใดๆ อยู่มาวันหนึ่งผู้ใหญ่รู้สึกตัวในตอนดึกและหิวน้ำจึงลุกขึ้นไปดื่มน้ำ สายตาของผู้ใหญ่ก็เห็นคนกำลังเดิมจะมาเปิดประตูขึ้นบ้าน ผู้ใหญ่จึงหยิบปืนลูกซองที่เตรียมไว้ยิงทันที เสียงปืนดังแชะ ผู้ใหญ่ยังไม่ละความพยายามขึ้นนกยิงอีกนัด เสียงปืนดังแชะเหมือนเดิม และแล้วบุรุษผู้มาในยามวิกาลได้ร้องขึ้นว่า "พ่อทำอะไรนะฉันเอง" เท่านั้นเองปืนลูกซองแทบหล่นจากมือ แกรีบเดินไปเปิดประตูและสวมกอดลูกชายแล้วถามว่า "เอ็งหรอกหรือไอ้ทิด แล้วเอ็งออกไปทำไมตอนดึกดื่มเที่ยงคืนอย่างนี้" ลูกชายก็ตอบว่า "ฉันปวดท้องเบาจึงลุกไปฉี่ข้างนอก" ผู้ใหญ่ยกมือท่วมหัวแล้วพูดว่า "เป็นเพราะบารมีตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน แท้ๆ ที่ช่วยไม่ให้พ่อต้องฆ่าลูกในไส้" ในตัวของลูกชายผู้ใหญ่มีตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบเพียงดอกเดียวเท่านั้น...เหตุการณ์ที่มีผู้ประสบเกี่ยวกับตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ส่วนมากจะถูกยิงแต่กระสุนด้านเป็นส่วนมาก พวกทหารที่ไปรบที่เขาคล้อ ภูหินร่องกล้า ต่างก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงพ่อทบกันมาก ชาวเพชรบูรณ์ต่างก็ห่วงแหนตะกรุดของหลวงพ่อทบกันมาก
เก็บทั้งทีเก็บของแท้แบบนี้ดีกว่าครับ อีกหลาย 100ปี ข้างหน้ายังไงก็เป็นพระแท้ไม่มีเปลี่ยน
โปรดติดตามรายการที่ทางเราตั้งประมูลกันต่อไปครับ...พระกระแสนิยมทั้งนั้นครับ
|