ชื่อพระ :
สุดยอดสมเด็จหลวงปู่จันทร์ดี (โตจันดี) เกสาโว วัดป่าหินเกิ้ง จ.ขอนแก่น
รายละเอียด :
สุดยอดสมเด็จหลวงปู่จันทร์ดี (โตจันดี) เกสาโว วัดป่าหินเกิ้ง จ.ขอนแก่น
หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว เป็นพระผู้มีปฏิปทาที่น่าเลื่อมใสและกราบไหว้อีกรูปหนึ่ง ท่านเป็นศิษย์ของ หลวงปู่เสาร์ และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐาน
หลวงปู่ ท่านเป็นชาวจังหวัด มหาสารคาม โยมบิดาชื่อ นายหุ่น โยมมารดาชื่อ บุตร นามสกุล ฌานชำนิ เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย (เดือน 1) ปีระกา พุทธศักราช 2463 ที่บ้านโนนสี หมู่ที่ 12 ตำบลหนองกุง อำเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม
หลวงปู่มีพี่น้องด้วยกัน 6 คน โดยท่านเป็นคนสุดท้อง
ส่วนพี่น้องมาดังนี้
๑ นายอ่อนสี
๒ นางแตงอ่อน
๓ นายบุญตา
๔ นายทองอิน
๕ นางปทุมา
๖ คึออาตมา ชื่อ จันทร์ดี
หลวงปูเล่าว่า "ในวันที่อาตมาจะเกิดนั้น โยมแม่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ลำพัง ขณะเกี่ยวอยู่นั้นรู้สึกเจ็บท้องจี๊ดๆ ไม่นานก็คลอดอาตมาออกมา ไม่มีใครอยู่ด้วย โยมแม่ต้องฃ่วยตัวเอง จนอาตมาคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้นโยมแม่ก็อุ้มอาตมากลับบ้าน แล้วเลี้ยงดูจนกระทั่งเติบโต"
ยอมเสียสละเพื่อแม่
หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว เล่าถึงชีวิตในปฐมวัยว่า ท่านมีความลำบากมาก เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองของบ้านเมือง คือปี พ.ศ. 2475 พร้อมกับโรคระบาดเกิดนั้นในทั่วท้องถิ่นในย่านบ้านเกิดของท่าน คือ บ้านโนนสี บ้านโนนพิบาล บ้านนาครู บ้านโพนละออม และบ้านหนองแวก ฝนฟ้าแห้งแล้งไม่ตกตามฤดูกาล ข้าวกล้าในท้องนาไม่ผลิดอกออกผล ด้วยความอดอยาก ชาวบ้านจึงได้พากันอพยพไปอยู่บ้านสำนัก ตำบลโนนตุ่น อำเภอกุดข้าว จังหวัดขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นตำบลหนองแปน อยู่ในอำเภอมัญจาคีรี
ปีนั้นพี่ชายคนโตของอาตมา คือนายอ่อนสีได้รับราชการเป็นทหารยศสิบตรี เป็นคนใกล้ชิดหม่อมเจ้าวรเดช เมื่อบ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หม่อมเจ้าวรเดชเข้าไปเกี่ยวของโดยเป็นกบฏต่อฝายที่เปลี่ยนแปลงการปกครองและพ่ายแพ้จึงถูกจับ คนใกล้ชิดท่านก็พลอยถูกจับตัวไปด้วย สิบตรีอ่อนสี พี่ชายของอาตมาก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ใกล้ชิดที่ถูกจับนั้น กบฏที่ถูกจับทุกคนถูกนำตัวไปขังคุก เมื่อโยมแม่ได้ทราบเรื่องพี่ชายติดคุก ก็เสียใจมากร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของแม่ทุกคนที่รักลูกเป็นห่วงลูก
โยมแม่ของอาตมาก็เหมือนกับโยมพ่อ คือเป็นคนเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เมื่อมองไม่เห็นทางอื่นที่จะช่วยเหลือพี่ชายได้ก็หันเข้าหาพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง โดยท่านเชื่อว่าหากให้อาตมาบวช บำเพ็ญศีล ภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ ส่งกระแสจิตช่วยเหลือพี่ชาย ก็จะทำให้พี่ชายพ้นจากการติดคุกได้
ขณะนั้นอาตมาอายุได้ 12 ปี เมื่อได้ฟังข้อเสนอของโยมแม่ก็รู้สึกพอใจ มองเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดีทำตามได้ไม่ยาก โยมแม่เมื่อเห็นอาตมาตกลงใจก็ไม่รอช้า รีบพาไปบวชเณรที่วัดโพธิ์ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด มหาสารคาม ตรงกับปี พ.ศ. 2475 โดยมีพระครู วินัยธรมุ่ง เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้มาอยู่ที่วัดกลาง อำเภอโกสุมพิสัย เพราะช่วงนั้นโยมแม่ได้อพยพครอบครับไปอยู่ที่บ้านโนนสำนัก อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น จึงติดตามท่านมาอยู่ด้วย
หลวงปู่จันทร์ดีได้จำพรรษาอยู่ที่วัดกลางตั้งแต่ปี พ.ศ. 2576 ได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับครูอาจารย์หลายท่าน สอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปี พ.ศ 2479
และสอบนักธรรมชั้นโท ได้ในปี พ.ศ 2481
"ขณะที่เรียนนักธรรมอยู่นั้น อาตมาได้เรียนบาลีควบคู่ไปด้วย สมัครเข้าสอบเป็นมหาเปรียนญกับเขาในปี พ.ศ. 2482 แต่สอบไม่ได้ แต่ก็ไม่ละความพยายาม จึงสอบบาลีเป็นมหากับเขาได้เมื่อปี พ.ศ. 2485"
หลวงปู่ได้เล่าถึงการเรียนบาลี เพื่อสอบเป็นมหานั้นว่ามีความลำบากมาก ขระที่เรียนนักธรรมตรี-โท-เอก ท่านก็เรียนบาลีควบคู่ไปด้วย และท่านสอบได้โดยไม่ซ้ำชั้น ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นพระฝายมหานิกายอยู่ จนกระทั่งท่านสอบบาลีประโยค 1-2ได้ท่านจึงหันมาปฏิบัติธรรมเป็นพระฝายธรรมยุต ด้วยสาเหตุของความอยากรู้อยากเห็นในโลกกว้าง และอยากจาริกโปรดสัตว์ บำเพ็ญเพียรและแสวงหาความวิเวกแห่งโมกธรรม
เรียนกรรมฐาน กับบูรพาจารย์ใหญ่
หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว เล่าว่าช่วงนั้นเป็นปี พ.ศ. 2480 เป็นระยะออกพรรษาเพียงหนึ่งอาทิตย์ หลังจากได้เรียนกรรมฐานจาก หลวงปู่มั่น และ หลวงปู่เสาร์แล้ว ท่านรต้องการฝึกของจริง คือการออกธุดงค์กับครูบาอาจารย์บ้าง
ต่อมา ท่านจึงได้มีโอกาสติดตามพระอาจารย์ทั้ง 5 เดินธุดงค์ไปยังภูเขาควาย ฝั่งประเทศลาว พระอาจารย์ทั้ง 5 องค์นั้นได้แก่
พระอาจารย์วรรณา แห่งวัดเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด มหาสารคาม
พระอาจารย์สมบูรณ์ แห่งวัดกุดเชือก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด มหาสารคาม
พระอาจารย์โพธิ แห่งวัดบ้านดอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด มหาสารคาม
พระอาจารย์สิงห์ แห่งวัดบ้านเกาะ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด มหาสารคาม
พระอาจารย์แก้ว แห่งวัดบ้านไฝ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัด อุบลราชธานี
ซึ่งพระอาจารย์ทั้งหมดนี้ ต่างเคารพนับถือกันมาก
พระอาจารย์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทุกองค์ล้วนแต่มีพรรษาที่ 15-16 ทั้งนั้น แต่ละองค์มีความรอบรู้ทั้งทางธรรมและทางเวทมนต์คาถา พร้อมทั้งยาสมุนไพรเป็นเลิศ เพราะเพราะพระธุดงค์ก่อนที่จะธุดงค์เดี่ยวได้นั้น จะต้องมีพระพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการธุดงค์มาก่อน เพื่อชี้แนะสั่งสอน ตลอดจนประสบการณ์ความชำนาญเกี่ยวกับสมุนไพรโบราณเป็นเรื่องแรก
เพราะนอกจากจะรักษาตัวเองในคราวเจ็บป่วย ยังสามารถโปรดสัตว์และผู้ยากไร้ ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านตามชนบท ยังไม่มีหยูกยารักษากัน เมื่อถึงคราวเจ็บป่วยต้องอาศัยพระธุดงค์เป็นส่วนมาก
ดังนั้น การเดินธุดงค์ของพระทุกองค์ในยุคนั้น พระธรรมวินัยต้องเคร่ง และต้องมีความรอบรู้ครอบถ้วนในการธุดงค์ เพราะไหนจะเผชิญกับสัตวร้ายต่างๆ ในป่า ไหนจะต้องเผชิญกับไข้ป่านานาสารพัด หลวงปู่ท่านกล่าว
เดินธุดงค์ไปฝั่งลาว
หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว เล่าต่อไปว่า เมื่อทุกฝ่ายตกลงกันได้แล้ว จึงออกเดินทางจากวัดบ้านไผ่ใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี จุดมุ่งหมายของอาจารย์ทั้งหลาย นอกจากเพื่อเป็นการธุดงค์แล้ว ก็ยังต้องการแสวงหาเหล็กไหลไปด้วย
"คณะของอาตมาข้ามไปยังฝั่งลาว เดินทางไปประเทศลาวครั้งนี้ลำบากมาก พระอาจารย์ทั้ง 5 ได้พาอาตมา เดินธุดงค์ผ่านไปยังบ้านนาแห้ว พระบาทโพนสัน วกไปวกมาจนถึงเมืองเวียงจันทน์ จากเวียงจันทน์ก็ไปทางหลวงพระบาง เชีบงขวาง พงสาลี ผ่านทุ่งไหหิน จนกระทั่งถึงบ้านหัวดง"
บ้านหัวดงหรือบ้านดงน้อยแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านที่อยู่เชิงภูเขาควาย มีบ้านคนอยู่เพียง 7-8 หลังคาเรือนเท่านั้น ชาวบ้านมีอาชีพทำนาและหาของป่าขาย
เวลานั้นอยู่ในฃ่วงหน้าแล้ง คณะของอาตมาได้หยุดพักอยู่ใกล้ๆหมู่บ้านนั้น พอตกเย็นได้มีนายน้อยและนายตา ซึ่งเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในหมู่บ้านดงน้อย ได้เข้ามา นมัสการและประเคนปัจจัยต่างๆที่จำเป็นสำหรับพระธุดงค์ จากนั้นก็นั่งสนทนาและสอบถาม ถึงการเดินทางต่อไปของพระธุดงค์ พระอาจารย์ก็ตอบว่า "จะเดินขึ้นภูเขาควาย"
ภูเขาควาย สปป ลาว
มีอยู่ตอนหนึ่ง นายน้อย ได้พูดพาดพิงไปถึงเหล้กไหลว่ามีจริงและ นายตา ก็ยืนยันว่าไปเห็นมาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครไปเอามาได้และคนที่ไปเอาส่วนมากจะเสียชีวิตหมด
ปรากฏว่า พระอาจารย์สมบูรณ์ ท่านเกิดมีความสนใจขึ้นมา จึงได้สอบถามนายน้อยว่า "เหล็กไหลที่ว่านี้ อยู่ที่ถ้ำสระบัว ในภูเขาควาย ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 10 กิโล"
ทางด้าน พระอาจารย์วรรณา พระอาจารย์โพธิ์ พระอาจารย์สิงห์ (คนละท่านกับพระอาจารย์ สิงห์ ขันตยาคโม) ได้ปรึกษากันหารือว่าสมควรไปดูเหล็กไหลหรือไม่ ซึ่กทุกรูปต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า จะเดินไปดูพรุ่งนี้เช้า ส่วยนายน้อยและนายตา ได้พยายาม
รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปันพระแท้กันฉันท์พี่น้อง สงสัย สนใจ โทรปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
นายอินทร์ อ่อนนิ่ม in onnim 574-2-65139-5 ออมทรัพย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สาขาบางปะอิน
|
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
999 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
100 บาท
เงื่อนไขการรับประกัน :
รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
ผู้ตั้งประมูล :
อินทร์ อ่อนนิ่ม
ที่อยู่ :
นายอินทร์อ่อนนิ่ม หมู่บ้านคลองพุดซา 34/4 ม.17 ต.บางกระสั้น อ.บางปะอิน จ.อยุธยา 13160 ไทย
เบอร์โทรติดต่อ :
0627964936, 0627964936
E-mail :
inonnim@gmail.com
ชื่อบัญชี :
นายอินทร์อ่อนนิ่ม
เลขที่ บัญชี :
5742651395
ธนาคาร :
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
วันที่ :
Sat 24, Nov 2012 10:21:11