ตะกรุดหลวงพ่อทบถักด้ายดิบเคลือบยางไม้ สวยเดิมๆค่ะ ระดับแชมป์ ยาว 12 เซนติเมตร กว้าง 1.2เซนติเมคชตรค่ะ ดอกนี้สมบูรณ์มากจริงๆ สวยเดิมๆ
ข้อมูลตะกรุดหลวงพ่อทบค่ะ
ตะกรุดของหลวงพ่อทบผู้ที่ชื่นชอบตะกรุดเครื่องรางและสายานุศิษย์ของท่าน แบ่งให้เป็น ๓ ยุค คือยุคต้นท่านสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ลงไปยุค กลางสร้างหลังปี พ.ศ.๒๕๐๐ไปจนมาถึงปี พ.ศ.๒๕๐๙ และยุคปลายสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๐-๒๕๑๙ ลักษณะและการพิจารณาตะกรุดหลวงพ่อทบจะสังเกตจากลักษณะชนิดของเชือก การถักเชือก ลายถัก โลหะที่ใช้ทำตะกรุด การลงรัก และการตีหัวตะกรุดทั้งสองด้าน นี้คือลักษณะการพิจารณาตะกรุดของหลวงพ่อทบ(หลัดเกณฑ์ดังกล่าวนี้เป็นพื้นฐานในการดูตะกรุดของทุกสำนัก และผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางจะต้องรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว) ในที่นี้เราจะมาเอยถึงตะกรุดดอกนี้ว่าทำไมถึงดูรู้ว่าเป็นยุคแรก ยุคต้นกัน อันดับแรกเรามาพิจารณา ถึงเส้นเชือกของตะกรุดดอกนี้กันคือ ๑.เส้นเชือกที่นำมาถักเป็นเชือกปอ เป็นเชือกที่ผลิตจากใยธรรมชาติ หรือปอผสมใยสับปะรด ซึ่งยุคกลางกับยุคปลายเป็นเชือกไนล่อน(Nylon)และเชือกไนล่อน(Nylon)แบบเอ็นตกปลาล้วนๆ...๒.เป็นตะกรุดอั่วสองชั้น(สองกษัตริย์)ที่เนื้อทองแดงและเนื้อตะกั่วรวมทั้งเส้นเชือกถักกอดรัดตัวจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันโดยธรรมชาติอายุความเก่า...๓.ลักษณะของรักที่ลงเก่าแห้งแตกเป็นเกร็ดเก่าถึงอายุดูมันส์มากๆ...๓.รอยขึ้นและรอยจบการถักเชือกของตะกรุดทั้งสองด้านซึ่ง เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของตะกรุดยุคแรกๆของท่านคือพันผูกเป็นเงื่อนกันหลุดแล้วเอาส่วนปลายเชือกทั้งสองด้านยัดไว้ด้านในแล้วพันเชือกทับหรือยัดไว้ด้านในแผ่นตะกั่วก่อนจะทุบแผ่นปลายตะกั่วให้ล๊อคเชือกตะกรุดทั้งสองด้านหัวท้ายและด้วยวันเวลาผ่านไปอายุความเก่ามาเยือนทำให้ปลายเส้นเชือกที่ยัดล๊อคไว้ในแผ่นตะกั่วรวมตัวกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ดังรูปของตะกรุดที่ผม "วัต ท่าพระจันทร์" บรรจงถ่ายมาเพื่อให้เพื่อนๆทัศนากันตามอัธยาศัยหลายๆจุด หลายๆมุมนั่นแล นะเพื่อนเอย! เป็นความรู้เล็กๆครับ
เรื่องราวอภินิหารของตะกรุดหลวงพ่อทบ ที่โด่งดังมากในสมัยหนึ่ง อย่างเมื่อคราวที่ภูหินร่องกล้า ทหารที่ไปรบก็เคยมีประสบการณ์จากพระเครื่องและตะกรุดของหลวงพ่อทบ ซึ่งถูกยิงจากผู้ก่อการร้ายแต่ยิงไม่เข้าอยู่หลายราย จนทำให้ตะกรุดของหลวงพ่อทบหายากขึ้น
หลวงพ่อทบท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๔ ณ บ้านหัวลม ตำบลนายม เพชรบูรณ์ โยมบิดาชื่อเผือก โยมมารดาชื่ออินทร์ หลวงพ่อทบท่านบวชเณรตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๐ ที่วัดช้างเผือก และอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๕ ที่วัดเกาะแก้ว บ้านนายม เพชรบูรณ์ โดยมีพระครูเมืองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปานเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สีเป็นพระอนุสาวนาจารย์
อุปนิสัยของหลวงพ่อทบท่านเป็นพระที่มีเมตตา สุขุมเยือกเย็น พูดน้อย หลวงพ่อทบท่านได้สร้างวัดและบูรณะวัดวาอารามไว้หลายวัดด้วยกันในแถบเพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบท่านออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ มากมาย หลังจากนั้นท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิลาโมง วัดเสาธงทองเจริญธรรม วัดเกาะแก้ว วัดสว่างอรุณ วัดพระพุทธบาทเขาน้อย และวัดช้างเผือก เป็นต้น และทุกวัดที่หลวงพ่อทบท่านจำพรรษาอยู่ท่านจะบูรณปฏิสังขรณ์ จนวัดมีความเจริญรุ่งเรืองทุกวัด หลวงพ่อทบท่านมรณภาพในวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อทบยังเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วภายในมณฑปตามเจตนาของท่าน มีประชาชนมามนัสการเป็นประจำมิได้ขาด
เรื่องอภินิหารตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบนั้นจะยกมาเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง คือในราวปีพ.ศ.๒๕๑๗ ตอนนั้นในอำเภอวิเชียรบุรี มีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับที่ดินมาก ผู้ใหญ่ประเสริฐ ได้ถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง จะฮุบเอาที่ดินของผู้ใหญ่ประเสริฐ แต่ไม่สำเร็จ ผู้มีอิทธิพลคนนั้นจึงสั่งลูกน้องให้ฆ่าล้างครัว ผู้ใหญ่ประเสริฐจึงพาครอบครัวไปกราบมนัสการหลวงพ่อทบ พร้อมทั้งเล่าเรื่องต่างๆ ให้หลวงพ่อทบฟัง
หลวงพ่อทบท่านจึงได้ทำน้ำมนต์อาบให้ทุกๆ คน จากนั้นท่านก็มอบตะกรุดโทนให้กับผู้ใหญ่และลูกชาย ส่วนภรรยาและลูกสาวท่านได้มอบเหรียญรูปท่านกับสีผึ้งให้ไป ก่อนกลับผู้ใหญ่ได้ถวายเงินจำนวน ๕๐๐ บาทให้หลวงพ่อทบ แต่ท่านไม่รับ ท่านบอกผู้ใหญ่ว่า "เก็บเอาไว้เถอะยังมีความจำเป็นต้องใช้อีกมาก วันๆ ข้าไม่ใช้เงินอยู่แล้ว" จากนั้นท่านก็ให้พรผู้ใหญ่ และกำชับว่ากลางค่ำกลางคืนไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ แล้ว อย่าออกไปไหนเป็นอันขาด มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้
เมื่อกลับจากวัดแล้ว ทุกคนต่างก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ผู้ใหญ่ได้บอกกับลูกเมียให้ทำที่กำลังให้มั่นคง กลางคืนหากมีใครมาเรียกอย่าขานรับโดยเด็ดขาด ผู้ใหญ่กับลูกชายมีอาวุธครบมือ เพื่อรับกับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น เวลาที่ผ่านมานานนับเดือนก็ไม่มีเหตุร้ายใดๆ อยู่มาวันหนึ่งแกรู้สึกตัวในตอนดึก และหิวน้ำจึงลุกขึ้นไปดื่มน้ำ สายตาของผู้ใหญ่ก็เห็นคนกำลังเดิมจะมาเปิดประตูขึ้นบ้าน ผู้ใหญ่จึงหยิบปืนลูกซองที่เตรียมไว้ยิงทันที เสียงปืนดังแชะ ผู้ใหญ่ยังไม่ละความพยายาม ขึ้นนกยิงอีกนัด เสียงปืนดังแชะเหมือนเดิม และแล้วบุรุษผู้มาในยามวิกาลได้ร้องขึ้นว่า "พ่อทำอะไรนะ ฉันเอง" เท่านั้นเองปืนลูกซองแทบหล่นจากมือ แกรีบเดินไปเปิดประตูและสวมกอดลูกชาย แล้วถามว่า "เอ็งหรอกหรือไอ้ทิด แล้วเอ็งออกไปทำไมตอนดึกดื่มเที่ยงคืนอย่างนี้" ลูกชายก็ตอบว่า "ฉันปวดท้องเบาจึงลุกไปฉี่ข้างนอก" ผู้ใหญ่ยกมือท่วมหัวแล้วพูดว่า "เป็นเพราะบารมีตะกรุดหลวงพ่อแท้ๆ ที่ช่วยไม่ให้พ่อต้องฆ่าลูกในไส้" ในตัวของลูกชายผู้ใหญ่มีตะกรุดโทนของหลวงพ่อทบเพียงดอกเดียวเท่านั้น
เหตุการณ์ที่มีผู้ประสบเกี่ยวกับตะกรุดหลวงพ่อทบ ส่วนมากจะถูกยิงแต่กระสุนด้านเป็นส่วนมากครับ พวกทหารที่ไปรบที่เขาคล้อ ภูหินร่องกล้าต่างก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงพ่อทบกันมาก ชาวเพชรบูรณ์ต่างก็ห่วงแหนตะกรุดของหลวงพ่อทบมากครับ_ขอขอบคุณข้อมูลชีวประวัติเพิ่มเติมจากพี่ชายที่แสนดี พี่หน่อย ท่าพระจันทร์ค่ะ.
|