พระ
ผงสิงห์เกสร (พุทธสิหิงค์) หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
คัดมาจากนิตยสาร”เซียนพระ”
ฉบับที่ 118 วันที่ 20 พ.ย.
2536 คอลัมน์” พระผงเกสร พุทธสิหิงค์ หลวงพ่อเกษม
สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง”
“ พระผงเกสรพุทธสิหิงค์ของหลวงพ่อเกษม
สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
ขอรับประกันว่ามีดีครบและดีพร้อมทั้งสามประการ คือ เจตนาการสร้างที่ดี มวลสารที่ดี(“ดีใน”) และ
ผู้ปลุกเสกที่ดี(พระสงฆ์ผู้มีศีลบริสุทธิ์)
ลักษณะของพระผงเกสร
พุทธสิหิงค์ ด้านหน้าเป็นรูปจำลองพระพุทธสิหิงค์
แต่เป็นปางนั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานบัว มีฐานเป็นขาโต๊ะรองอีกทีหนึ่ง
บนพระเศียรมีเส้นรัศมีแผ่กระจาย รายละเอียดส่วนต่างๆของร่าง
กายติดชัดเจน ส่วนด้านหลังเรียบ ฐานกว้างประมาณ 2 ซม.
สูงประมาณ 3.3 ซม. หนาประมาณ 0.3-0.4
ซม. เนื้อหามวลสารออกสีดำ
มีคราบไขผุดจากในเนื้อเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล
พระเครื่องบางองค์มีรอยแตกรานเล็กน้อย
ผู้สร้างพระผงเกสรพุทธสิหิงค์
ได้พยายามที่จะสร้างพระเครื่องชุดนี้ให้ดีที่สุด
จึงได้ตระเตรียมจัดหาวัสดุมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์
และเป็นมงคลหลายต่อหลายอย่างโดยเริ่มเตรียมการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2500
ซึ่งมวลสารที่นำมาสร้างพระเครื่องนั้น
ต้องใช้ความพยายามและอุตสาหะอย่างยิ่งยวดกว่าจะได้มาแต่ละสิ่ง
แต่ทางคณะผู้จัดสร้างก็ได้ใช้ความพยายามหามาได้หลายอย่างเช่น
ดินจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งจากประเทศอินเดีย
ใบลานและสมุดข่อยที่จารึกพระธรรม คัมภีร์ พระพุทธมนต์
และตำราต่างๆที่ชำรุดแล้วใช้การไม่ได้ เอามาเผาและป่นให้ละเอียด
ดอกไม้ธูปเทียนที่มีผู้นำไปกราบไหว้สักการะหลวงพ่อเกษม
เพราะความเลื่อมใสศรัทธา ผงขี้ธูป ก้านธูป
และดอกไม้แห้งที่หลวงพ่อเกษมท่านใช้จุดและบูชาขณะบำเพ็ญภาวนา
ข้าวแห้งก้นบาตรของหลวงพ่อเกษมที่เหลือจากการฉันเอามาตากแห้งบดให้ละเอียด ผงพุทธคุณจากการนำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกหลายวัด น้ำ
อ้อยเคี่ยว ยางไม้บางชนิด และที่สำคัญที่สุดก็คือ
เส้นผมของหลวงพ่อเกษมที่ท่านได้ปลงผมไว้จำนวนหนึ่ง.
จะเห็นได้ว่ามวลสารที่เป็นส่วนผสมของพระผงเกสร
พุทธสิหิงค์ ล้วนเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และหาได้ยาก ทางคณะ
ผู้สร้างต้องใช้เวลาในการเก็บรวบรวมมวลสารเหล่านี้
ถึงสามปีเต็มๆจึงได้ครบเพียงพอแก่ความต้องการ
เมื่อได้มวลสารเพียงพอแล้วจึงได้เอามวลสารเหล่านั้นไปบดตำและร่อนแยกเป็น
ส่วนๆก่อนที่จะเอาคลุกเคล้าด้วยตัวประสาน เพื่อให้มวลสารยึด
เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงได้อาศัยพระภิกษุและสามเณรช่วยกันกดพิมพ์ การกดพิมพ์พระก็เป็นการกระทำกันในวัด อาศัยแรงงานจาก
พระภิกษุและสามเณร ทุกคนที่มาช่วยงานต่างก็ได้อุทิศทั้งแรงกาย
และแรงใจ เพื่อให้งานครั้งนี้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี
และเพื่อให้พระเครื่องที่สร้างมีความศักดิ์สิทธิ์สูง
จำนวนพระเครื่องที่กดพิมพ์ได้เข้าใจว่ามีมากพอสมควร แต่ก็ไม่มากจนเกินไป
เพราะกดพิมพ์เท่าที่จำนวนมวลสารที่มีอยู่ เมื่อมวลสารหมดก็
หยุดพิมพ์ ไม่ได้มีการสร้างเสริมขึ้นมาใหม่ทีหลัง
พระเครื่องที่พิมพ์ได้ทั้งหมด
ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหัวข่วง จังหวัดลำปาง เมื่อปี พ.ศ.
2503 โดยนิมนต์หลวงพ่อเกษม
มาเป็นประธานในพิธีร่วมกับพระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนืออีกหลายท่าน
เมื่อเสร็จพิธีแล้วทางคณะผู้จัดสร้าง
จึงได้นำเอาพระเครื่องออกให้ประชาชนทำบุญ
เพื่อนำเอาปัจจัยมาบูรณะซ่อมแซมถาวรวัตถุทางศาสนาในวัดหัวข่วง
จนสำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ในตอนแรกทุกประการ
สมกับที่เป็นพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นโดยมีเจตนาดีเป็นการกุศลอย่างแท้จริง
......
ข้อมูลเพิ่มเติมยังกล่าวไว้ว่า ในขณะทำพิธีปลุกเสกได้มีฝนตกลงมา ทำให้คณาจารย์ท่านอื่นเข้าไปหลบฝนอยู่ในร่ม ยังคงเหลือแต่หลวงพ่อเกษมรูปเดียวที่ยังนั่งอธิฐานจิตอยู่จนเสร็จพิธี...
องค์นี้ ฟอร์มดี มีหน้าตา ไม่บิดเบี้ยว ตัดขอบได้ขนาดใหญ่ (เนื่องจากการกดพิมพ์เป็นแบบโบราณ กดแล้วตัดขอบเอาเอง) เนื้อหาแก่น้ำมัน ดูง่าย...พระดี ที่ราคาไม่แรงครับ
|