เรื่องเล่าที่ท่านอาจยังไม่รู้ เกี่ยวกับรูปในหลวงกับหลวงพ่อเกษม
คิดว่าหลายๆ
ท่านคงเคยเห็นรูปในหลวงขณะทรงเข้าเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก
ภายในกุฏิที่สุสานไตรลักษณ์ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ผมเองเมื่อมองดูแล้วจะรู้สึกอะไรได้หลายๆ อย่าง
และมีกำลังใจทุกครั้งเวลารู้สึกท้อขึ้นมา
ผมเองได้กลับบ้านลำปางรอบนี้ได้มีโอกาสได้พบกับช่างภาพผู้ลงมือถ่ายภาพนี้
จริงๆ แล้วตั้งใจไปเพื่อจะขอรูปนี้ที่อัดมาจากฟิลม์ต้นฉบับจริง แต่น่าเสียดาย
กาลเวลาและกฎแห่งอนิจังได้ทำลายฟิล์มรูปนั้นไปเสียแล้ว
ปัจจุบันฟิลม์นี้ใช้การไม่ได้แล้ว คงเหลือแต่รูปอัดที่เจ้าของมีเพียงใบเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ท่านมีสองใบ แต่ได้แบ่งให้พี่ชายของผมไปซะแล้ว
อีกประการหนึ่ง ผมตั้งใจไปพบพี่ช่างภาพซึ่งเป็นนักข่าวท้องถิ่น
(ขอไม่เอ่ยนามท่านก็แล้วกันนะครับ) เพื่อสอบถามท่านว่า
วินาทีตอนที่ในหลวงกับสมเด็จพระราชินีท่านเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อนั้น ท่านมีพระราชปฏิสันฐานว่าอย่างไรบ้าง
พี่ท่านบอกว่า
ไม่ได้ทันจับใจความเนื่องจากได้เตรียมเทปอัดเสียงไปอัดด้วย
เพื่อที่จะได้ตั้งใจถ่ายภาพ
และก่อนที่จะเข้าเผ้าก็ได้ขออนุญาตกับลูกศิษย์หลวงพ่อไว้แล้วว่าจะขอเข้าไปถ่ายภาพและบันทึกเสียง
ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตเป็นอย่างดี
ครั้นเมื่อถึงเวลาเสด็จพระราชดำเนิน
ในหลวงทรงขับรถด้วยพระองค์เองจากพระตำหนักภูพิงค์ฯ โดยรถยนต์สีฟ้า
ยี่ห้อและทะเบียนผมจำไม่ได้ (แต่ก็หาอ่านเอาในสื่อต่างๆ ได้ครับ) เมื่อมาถึง
พี่ช่างภาพคนดังกล่าวกลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปจากราชเลขาผู้ติดตามพระองค์ ทั้งนี้อาจเนื่องจากการที่จะเข้าเฝ้าฯ เพื่อถ่ายรูปในหลวงนั้น
ตามกฎแล้วกล้องทุกตัวจะต้องถูกตรวจสอบว่าไม่ใช่อาวุธหรือสิ่งอื่นใดที่จะอาจเป็นอันตรายแก่ในหลวงและสมเด็จพระราชินีได้
มีแต่ช่างกล้องของสำนักพระราชวังเท่านั้นที่สามารถถ่ายรูปทั้งสองพระองค์ได้... เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พี่ช่างกล้องรู้สึกเสียใจเป็นอันมาก
จึงได้เดินออกมาภายนอก และได้ยกมืออธิฐานขอหลวงพ่ออีกครั้งอยู่ด้านนอกกุฏิ สักครู่ก็มีข้าราชบริพารมาเรียกพี่คนดังกล่าวบอกว่า “หลวงพ่ออนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปได้”
แต่ห้ามอัดเสียง ยังความปิติดีใจและงนงงแกพี่ช่างถ่ายรูปเป็นอันมาก
ขณะเข้าไปภายในกุฏิ
พี่ช่างถ่ายรูปก็ได้รับอนุญาตให้นั่งข้างๆ บริเวณปลายเตียงหลวงพ่อ (สังเกตจากรูปก็ได้ครับ)
นอกจากนี้หลวงพ่อยังได้ให้ลูกศิษย์ท่านอื่นชงกาแฟให้พี่ช่างภาพด้วย จากนั้นพี่ช่างภาพได้เห็นลูกศิษย์ท่านหนึ่งนำเทปอัดเสียงออกมา
เพื่อเตรียมนำมาอัดเสียงด้วย ก็จึงคิดว่าสงสัยน่าจะอัดเสียงได้
จึงได้ตัดสินใจเอาเทปอัดเสียงของตนเองออกมาบ้างและวางไว้ใต้เตียงหลวงพ่อพร้อมกับเทปอัดเสียงอีกสองอันซึ่งเป็นของลูกศิษย์หลวงพ่อฯคนอื่น
ท่านเล่าว่า
ขณะที่ในหลวงทรงก้มกราบครั้งที่หนึ่งและกำลังจะก้มกราบครั้งที่สอง
หลวงพ่อได้กุมมือในหลวงไว้ และส่งยิ้มให้ท่าน
เป็นที่รู้กันว่าหลวงพ่อไม่ต้องการให้ใครกราบท่านสามครั้ง เนื่องจากท่านเคยบอกว่า “เราเป็นเพียงสมมุติสงฆ์
ไม่ควรกราบเราสามครั้ง” เรื่องนี้ใครๆ ที่ไปสุสานไตรลักษณ์
หรือลูกศิษย์จะทราบกันดี
ว่าหลวงพ่อให้ไหว้ท่านโดยพนมมือแค่หน้าอกแล้วก้มลงเท่านั้น จังหวะที่ในหลวงจะทรงกราบครั้งที่สอง
หลวงพ่อท่านได้กุมมือในหลวงไว้และส่งยิ้มให้ ทำให้ในหลวงท่านทรงชะงักและหยุด
จากนั้นในหลวงก็ทรงยิ้มตอบหลวงพ่อ และทรงมีพระราชปฏิสัณฐานว่า “พระอาจารย์สบายดีไหมครับ”
หลวงพ่อตอบว่า “เจริญพรมหาบพิตร อาตมาสบายดี”
นี่เป็นเพียงข้อความที่พี่ช่างถ่ายภาพจดจำได้ เพราะกะว่าค่อยไปฟังในเทปก็ได้
พี่ช่างภาพได้ถ่ายภาพไปทั้งหมด 7 รูป
จากนั้นก็ได้ออกมาด้านนอก...
ส่วนรูปที่หลวงพ่อได้หลับตาขณะในหลวงทรงก้มกราบนั้น
พี่ช่างภาพบอกว่าหลวงพ่อท่านหลับตาแล้วมนต์ (อธิฐานจิต) เป็นเวลาประมาณ ๑๕
นาทีครับ
ในลำปางเล่ากันว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ในหลวงท่านทรงมาเยี่ยมหลวงพ่อ
ท่านมาหลายครั้งแล้ว เหตุไฉนท่านจึงจะจำไม่ได้ว่าหลวงพ่อไม่นิยมให้กราบท่านสามครั้ง
บ้างก็ว่าในหลวงท่านทรงทดลองว่าปฏิปทาหลวงพ่อยังคงเป็นเช่นใด
เรื่องนี้เองผมก็มิบังอาจให้ความเห็นได้
พอในหลวงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
พี่ช่างภาพและลูกศิษย์คนอื่นที่นำเทปไปไว้ใต้เตียงอีกสามเครื่องได้นำเทปมาเปิดฟัง ปรากฏว่าเทปทั้งสามเครื่องไม่สามารถที่จะอัดเสียงพระราชปฏิสันฐานของในหลวงกับหลวงพ่อได้
ทั้งๆ ที่เป็นเทปที่พี่ช่างภาพซึ่งเป็นนักข่าวได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา
และก่อนที่จะนำอัดเสียงก็ได้ลองจนแน่ใจแล้วว่าใช้งานได้
สรุปว่าพี่ช่างภาพก็มีความปิติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสถ่ายรูปที่นับได้ว่าเป็นรูปที่ยอดนิยมและมองเมื่อไหร่ก็กินใจ
อบอุ่น แต่ผู้ที่รักในหลวงและหลวงพ่อทั้งนั้น.....
หากแม้นบทความนี้ ได้เป็นการล่วงเกินหลวงพ่อและระคายเคียงเบื้องพระยุคลบาล ขอหลวงพ่อและในหลวงเมตตาอโหสิกรรมให้ลูกด้วย และขอทรงโปรดพระราชทานอภัยโทษให้แก่เกล้ากระหม่อมด้วยเทอญ |